Wealth Sharing
SE ตุน Backlog 250 ลบ. ทำนิวไฮ เน้นสินค้านวัตกรรมใหม่ตอบสนองเทรนด์ ESG
11 กันยายน 2566
นายเกริก ลีเกษม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามอีสต์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SE เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจช่วงไตรมาส 3/2566 คาดว่าจะเติบโตในเกณฑ์ดี และมีโอกาสรับงานใหม่เพิ่มเนื่องจากธุรกิจเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ส่งผลให้มีปริมาณคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทมุ่งเน้นการจัดหาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม และบริการใหม่เพื่อตอบโจทย์ครอบคลุมความต้องการของของภาคอุตสาหกรรม สอดรับกับนโยบาย ESG ซึ่งในอนาคตภาคการผลิตมีความจำเป็นต้องปรับปรุงระบบเพื่อให้ทั้งกระบวนการปล่อยของเสียน้อยที่สุด ถือเป็นโอกาสของบริษัทในการนำเสนอสินค้าที่สามารถลดคาร์บอนให้กับโรงงานอุตสาหกรรมที่ก่อสร้างใหม่ และโรงงานเดิม
ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ทำสถิติสูงสุดที่ประมาณ 250 ล้านบาท อีกทั้ง เดินหน้าประมูลงานภาครัฐ-เอกชนอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ ภาพรวมอุตสาหกรรมแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากการบริโภคภาคเอกชนส่งผลให้มีความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนของโรงงานอุตสาหกรรมเริ่มทยอยการลงทุน โดยเฉพาะเขตพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ทั้งการซ่อมบำรุง การเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ใหม่ อีกทั้งกฎหมายบังคับเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด อาทิ การลดคาร์บอนไดออกไซด์ การบริหารจัดการระบบน้ำเสียให้นำกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการผลิตได้ เป็นต้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจึงถือเป็นโอกาสในการเติบโตของบริษัททั้งสิ้น
สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก 2566 บริษัทมีรายได้รวมทำสถิติใหม่ (New High) 290.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 271.38 ล้านบาท จำนวน 18.84 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.94% และมีกำไรสุทธิ 26.91 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 27.53 ล้านบาท จำนวน 0.63 ล้านบาท หรือลดลง 2.28%
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 155.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 134.74 ล้านบาท จำนวน 20.65 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15.32% และมีกำไรสุทธิ 15.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 14.06 ล้านบาท จำนวน 1.06 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.54%
ทั้งนี้ บริษัทมุ่งเน้นการจัดหาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม และบริการใหม่เพื่อตอบโจทย์ครอบคลุมความต้องการของของภาคอุตสาหกรรม สอดรับกับนโยบาย ESG ซึ่งในอนาคตภาคการผลิตมีความจำเป็นต้องปรับปรุงระบบเพื่อให้ทั้งกระบวนการปล่อยของเสียน้อยที่สุด ถือเป็นโอกาสของบริษัทในการนำเสนอสินค้าที่สามารถลดคาร์บอนให้กับโรงงานอุตสาหกรรมที่ก่อสร้างใหม่ และโรงงานเดิม
ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ทำสถิติสูงสุดที่ประมาณ 250 ล้านบาท อีกทั้ง เดินหน้าประมูลงานภาครัฐ-เอกชนอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ ภาพรวมอุตสาหกรรมแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากการบริโภคภาคเอกชนส่งผลให้มีความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนของโรงงานอุตสาหกรรมเริ่มทยอยการลงทุน โดยเฉพาะเขตพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ทั้งการซ่อมบำรุง การเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ใหม่ อีกทั้งกฎหมายบังคับเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด อาทิ การลดคาร์บอนไดออกไซด์ การบริหารจัดการระบบน้ำเสียให้นำกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการผลิตได้ เป็นต้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจึงถือเป็นโอกาสในการเติบโตของบริษัททั้งสิ้น
สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก 2566 บริษัทมีรายได้รวมทำสถิติใหม่ (New High) 290.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 271.38 ล้านบาท จำนวน 18.84 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.94% และมีกำไรสุทธิ 26.91 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 27.53 ล้านบาท จำนวน 0.63 ล้านบาท หรือลดลง 2.28%
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 155.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 134.74 ล้านบาท จำนวน 20.65 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15.32% และมีกำไรสุทธิ 15.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 14.06 ล้านบาท จำนวน 1.06 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.54%