จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : อุตฯก่อสร้างปี 66 มีมูลค่า 5.86 แสนลบ. หนุนรายได้ MENA โตไม่ต่ำกว่า 15%


13 กันยายน 2566
แม้หลายฝ่ายจะเชื่อว่าการก่อสร้างภาครัฐปีนี้จะขยายตัวได้ช้าจากการตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า  แต่การก่อสร้างภาคเอกชนปี 2566 คาดแตะ 5.86 แสนล้านบาท ขยายตัว 3%YOY  ซึ่งหนุนรายได้ MENA  ปี 66 โตไม่ต่ำกว่า 15%  

รายงานพิเศษ MENA copy.jpg

วงการอุตสาหกรรมก่อสร้างคาดการณ์มูลค่าการก่อสร้างภาคเอกชนในปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัวอยู่ที่ 586,000ล้านบาท (+3%YOY) โดยเป็นการขยายตัวของมูลค่าการก่อสร้างที่อยู่อาศัย อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ได้แก่ อาคารสำนักงาน และพื้นที่ค้าปลีก รวมถึงการ Renovate พื้นที่ค้าปลีก และโรงแรม เพื่อรองรับการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ

สถานการณ์การก่อสร้างที่ยังมีแนวโน้มได้ดี สนับสนุนการสร้างรายได้ของ บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) (MENA)   ผู้นำธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ (Mixer)และรถเทรลเลอร์ (Trailer)รายใหญ่ของประเทศ

ซึ่ง “นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช”  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MENA ระบุแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังเชื่อว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก  เนื่องจากธุรกิจโลจิสติกส์มีแนวโน้มขยายตัว โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการขนส่งรถคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถผสมคอนกรีตหรือรถมิกเซอร์ (Mixer)ที่มีโอกาสเติบโตสูงจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้าง ทั้งจากโครงการเมกะโปรเจค และจากการก่อสร้างของภาคเอกชน  และTDM ยังเดินหน้าได้ตามแผนเพื่อขยายขอบเขตการให้บริการไปยังธุรกิจต่างๆ ของเครือ

นอกจากนั้น บริษัทฯ มีแผนรุกขยายงานขนส่งให้ครอบคลุมในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในตลาดเฉพาะทางที่มีความเติบโตอย่างต่อเนื่องให้มากยิ่งขึ้น และมีแผนขยายFleet ธุรกิจMixer อย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 15%

ขณะที่บล.ดาโอ วิเคราะห์หุ้น MENA  โดยระบุ  2Q23 กำไรเติบโต YoY จากการขยายกองรถ บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 2Q23 ที่ 15 ล้านบาท  (+37% YoY, +1% QoQ) (ไม่มี consensus) YoY เติบโตจากการขยายกองรถ ส่วน QoQ ทรงตัว แม้ได้กองรถเพิ่มขึ้น แต่มีปัจจัยฤดูกาลกดดัน (วันหยุดเยอะ) โดยรายได้รวมทำได้ 188 ล้านบาท (+13% YoY, -2% QoQ) YoY  

สนับสนุนโดยการขยายกองรถ โดยเฉพาะในส่วนรถ Mixer มีมากกว่า 500 คันใน 2Q23 (470 คันใน 2Q22 และ 478 คันใน 1Q23) ส่วน QoQ ลดลงเล็กน้อยจากปัจจัยฤดูกาลและรายได้ที่ลดลงหลังโอนรถเข้า TDM  ด้าน GPM อยู่ที่ 17% (ทรงตัว YoY, -1.6ppt QoQ) และส่วนแบ่งกำไรจาก TDM ซึ่งเริ่มรับรู้เข้ามาเป็นไตรมาสแรกอยู่ที่ 3 ล้านบาท

ดังนั้นบริษัทคงประมาณการกำไรสุทธิ 2023E ที่ 68 ล้านบาท (+32% YoY) โดยกำไร 1H23 คิดเป็น 45% ของประมาณการดังกล่าว  ทั้งนี้แนวโน้ม 2H23E คาดเติบโต HoH จากโมเมนตั้มการรับรู้รายได้ที่มากขึ้นจากปริมาณรถที่เพิ่มขึ้นสะสมใน 1H23 และการขยายกองรถเพิ่มเติมใน 2H23E รวมถึงการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก TDM ซึ่ง MENA ถือหุ้นอยู่ 35% หลังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเข้ามาแล้วครั้งแรกใน 2Q23

โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2023E ที่ 2.50 บาท/หุ้น อิงวิธี DCF (WACC 7.7%, TG 2.0%) โดย ณ ราคา ดังกล่าวจะคิดเป็น Forward PER ที่ 27x ใกล้เคียงอัตราการเติบโตของกำไรในช่วง CAGR22-24E ที่ 30x (PEG 0.9x) key catalyst คือการขยายตัวของเศรษฐกิจ ในขณะที่ความเสี่ยงคือความผันผวนของราคาน้ำมันและการปรับขึ้นค่าแรง แต่ประเมินจะเป็นเพียง short term impact เพราะสามารถผลักต้นทุนดังกล่าวไปให้ลูกค้าได้