Talk of The Town
PJW ขานรับนโยบายรัฐบาลใหม่ Free Visa จีน ลุยจับมือพันธมิตรสร้าง New S -Curve ออกโปรดักส์ใหม่ ด้านการแพทย์ ดันมาร์จิ้น
13 กันยายน 2566
บมจ.ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) ขานรับนโยบายรัฐบาลใหม่ ฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายผ่านการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น ฟากบิ๊กบอส "วิวรรธน์ เหมมณฑารพ" มั่นใจครึ่งปีหลังสัญญาณดีต่อเนื่อง หลังเศรษฐกิจฟื้น -ท่องเที่ยวกลับมาบูม ดีมานด์บรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นและนมเพิ่มขึ้น ธุรกิจลอนดรี้ได้ประโยชน์ แถมออเดอร์ชิ้นส่วนยานยนต์เติบโตต่อเนื่อง พร้อมลุยจับมือพันธมิตรสร้าง New S -Curve ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ด้านการแพทย์ ดันมาร์จิ้นพุ่ง
นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) (PJW) เปิดเผยว่าจากการที่รัฐบาลชุดใหม่ ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในไตรมาส 4/2566 ด้วยนโยบาย “ฟรีวีซ่า” (Free visa) ให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน เพื่อส่งเสริมให้นักท่องเที่ยว เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น มองว่าเป็นผลดีต่อภาคธุรกิจโรงแรม และรีสอร์ท รวมถึงธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ที่จะได้รับประโยชน์จากแนวนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวดังกล่าว
“จากนโยบายนี้ ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว ส่งผลเชิงบวกต่อสินค้าหลักของบริษัทฯในกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งน้ำมันหล่อลื่นและนมเปรี้ยว กลับมาเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงยอดขายชิ้นส่วนยานยนต์ที่จะเพิ่มขึ้นจากการที่นิวโมเดลเข้ามามากขึ้น หลังจากที่ต้องเลื่อนออกไปจากสถานการณ์เซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลน และยังกระตุ้นให้ธุรกิจลอนดรี้ได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวอีกดัวย”
นอกจากนี้ บริษัทฯยังคงเดินหน้าที่จะเพิ่มช่องทางสร้างรายได้จากการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้าง New S-Curve ผลักดันการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยขณะนี้สายการผลิตบางส่วนได้แล้วเสร็จและอยู่ในขั้นตอนของการทดสอบผลิตภัณฑ์เพื่อขอมาตรฐานจากสำนักคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) และคาดว่าจะเริ่มขายได้ปลายไตรมาส2หรือต้นไตรมาส3ปี2567 พร้อมกับมีพันธมิตรที่มีความมั่นใจได้เริ่มติดต่อเข้ามา รวมทั้งยังคงเปิดโอกาสในการศึกษาและหา Synergy ร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติกเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง ซึ่งคาดว่าจะเป็นอีกธุรกิจที่จะสนับสนุนการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
สำหรับธุรกิจลอนดรี้ คาดว่าจะไม่ขาดทุนในปีนี้ และยังคงมีสัญญานดีอย่างต่อเนื่อง อานิสงส์จากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยว ทำให้มียอดขายเข้ามาและมีสัญญาเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มโรงแรม โรงพยาบาลรวมถึงขนส่ง ซึ่งคาดว่าจะสร้างผลกำไรอย่างโดดเด่นภายในปี2567
อีกทั้ง บริษัทฯได้วางงบลงทุนไว้ประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งแบ่งการลงทุนเป็น 3 ส่วน ได้แก่ กลุ่มธุรกิจลอนดรี้ โดยจะเป็นการลงทุนในเรื่องของเครื่องจักร เพื่อขยายกำลังการผลิตและลดต้นทุน รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การลงทุนรวมถึงการปรับปรุงในอาคารสำนักงาน และแผงโซล่าร์รูฟ ขณะที่ลงทุนในไลน์ผลิตในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน รวมถึงลงทุนระบบออโตเมชั่น ทั้งนี้ ยอดขายของส่วนงานกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์กำลังกลับมาฟื้นตัว และเชื่อว่าในอนาคตจะยังคงทิศทางที่เติบโตต่อเนื่อง โดยการลงทุนนี้เพื่อรองรับการขยายตัวของกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ในอนาคต ทั้งนี้ปัจจุบัน มีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) จากกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ต่อเนื่องไปถึงปี 2568 แล้ว
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทฯ มั่นใจว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตไว้ที่ 10% โดยจะเร่งแผนการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อรักษาอัตรากำไรในภาวะที่ต้นทุนการผลิต ทั้งค่าแรงและค่าพลังงาน รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น
อนึ่ง ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 บริษัทฯมีรายได้รวม 904.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 41.66 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิรวมเท่ากับ 4.6% เพิ่มจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิรวม 1.2% และมีอัตราการเติบโต 250% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน
นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) (PJW) เปิดเผยว่าจากการที่รัฐบาลชุดใหม่ ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในไตรมาส 4/2566 ด้วยนโยบาย “ฟรีวีซ่า” (Free visa) ให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน เพื่อส่งเสริมให้นักท่องเที่ยว เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น มองว่าเป็นผลดีต่อภาคธุรกิจโรงแรม และรีสอร์ท รวมถึงธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ที่จะได้รับประโยชน์จากแนวนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวดังกล่าว
“จากนโยบายนี้ ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว ส่งผลเชิงบวกต่อสินค้าหลักของบริษัทฯในกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งน้ำมันหล่อลื่นและนมเปรี้ยว กลับมาเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงยอดขายชิ้นส่วนยานยนต์ที่จะเพิ่มขึ้นจากการที่นิวโมเดลเข้ามามากขึ้น หลังจากที่ต้องเลื่อนออกไปจากสถานการณ์เซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลน และยังกระตุ้นให้ธุรกิจลอนดรี้ได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวอีกดัวย”
นอกจากนี้ บริษัทฯยังคงเดินหน้าที่จะเพิ่มช่องทางสร้างรายได้จากการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้าง New S-Curve ผลักดันการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยขณะนี้สายการผลิตบางส่วนได้แล้วเสร็จและอยู่ในขั้นตอนของการทดสอบผลิตภัณฑ์เพื่อขอมาตรฐานจากสำนักคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) และคาดว่าจะเริ่มขายได้ปลายไตรมาส2หรือต้นไตรมาส3ปี2567 พร้อมกับมีพันธมิตรที่มีความมั่นใจได้เริ่มติดต่อเข้ามา รวมทั้งยังคงเปิดโอกาสในการศึกษาและหา Synergy ร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติกเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง ซึ่งคาดว่าจะเป็นอีกธุรกิจที่จะสนับสนุนการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
สำหรับธุรกิจลอนดรี้ คาดว่าจะไม่ขาดทุนในปีนี้ และยังคงมีสัญญานดีอย่างต่อเนื่อง อานิสงส์จากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยว ทำให้มียอดขายเข้ามาและมีสัญญาเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มโรงแรม โรงพยาบาลรวมถึงขนส่ง ซึ่งคาดว่าจะสร้างผลกำไรอย่างโดดเด่นภายในปี2567
อีกทั้ง บริษัทฯได้วางงบลงทุนไว้ประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งแบ่งการลงทุนเป็น 3 ส่วน ได้แก่ กลุ่มธุรกิจลอนดรี้ โดยจะเป็นการลงทุนในเรื่องของเครื่องจักร เพื่อขยายกำลังการผลิตและลดต้นทุน รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การลงทุนรวมถึงการปรับปรุงในอาคารสำนักงาน และแผงโซล่าร์รูฟ ขณะที่ลงทุนในไลน์ผลิตในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน รวมถึงลงทุนระบบออโตเมชั่น ทั้งนี้ ยอดขายของส่วนงานกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์กำลังกลับมาฟื้นตัว และเชื่อว่าในอนาคตจะยังคงทิศทางที่เติบโตต่อเนื่อง โดยการลงทุนนี้เพื่อรองรับการขยายตัวของกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ในอนาคต ทั้งนี้ปัจจุบัน มีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) จากกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ต่อเนื่องไปถึงปี 2568 แล้ว
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทฯ มั่นใจว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตไว้ที่ 10% โดยจะเร่งแผนการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อรักษาอัตรากำไรในภาวะที่ต้นทุนการผลิต ทั้งค่าแรงและค่าพลังงาน รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น
อนึ่ง ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 บริษัทฯมีรายได้รวม 904.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 41.66 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิรวมเท่ากับ 4.6% เพิ่มจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิรวม 1.2% และมีอัตราการเติบโต 250% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน