“เศรษฐา” ถือฤกษ์มงคลวันพระ เข้ากราบนมัสการสมเด็จพระสังฆราช เป็นสิริมงคล เดินหน้าลุยนโยบายร้อน ทั้งจ่ายเงิน เดือน ขรก. 2 รอบสั่งกรมบัญชีกลางไปทำออปชันมา ลั่นสู้ต่อไม่ท้อ เพราะเป็นทางเลือกที่ดีไม่บังคับ บอก “คนชมก็มี เยอะนะครับ”
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ถือฤกษ์ดีวันพระ กราบนมัสการสมเด็จพระสังฆราช เพื่อความสิริมงคล พร้อมประกาศเดินหน้านโยบายที่เริ่มดำเนินการไปแต่ถูกโจมตีหนัก ทั้งเรื่องการจ่ายเงินเดือนข้าราชการเป็น 2 รอบ
นายกฯกราบสมเด็จพระสังฆราช
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 ก.ย.ที่วัดราชบพิธ สถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ถือฤกษ์วันพระถวายเครื่องสักการะแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมคณะ ทันทีที่มาถึงนายกฯวางพวงมาลัยถวายสักการะพระ บรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บริเวณด้านข้างพระอุโบสถ กราบนมัสการสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก นายเศรษฐากล่าวคำถวายเครื่องสักการะ ซึ่งสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีพระดำรัสก่อนที่นายกฯจะกราบทูลลา ทั้งนี้ มีชายชาวบางพลัด วัย 68 ปี มอบเหรียญหลวงพ่อทันใจ ให้กับนายกฯ ระบุขอให้ทำงานสำเร็จทันใจ
ปลาบปลื้มประทานพรหลายเรื่อง
จากนั้นนายกฯเดินทางไปยังวัดไตรมิตรวิทยาราม ถวายเครื่องสักการะ และสนทนาธรรมกับสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (เจ้าคุณธงชัย) อยู่พักหนึ่งจึงเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐากล่าวว่า สมเด็จพระสังฆราชประทานพรหลายเรื่อง ท่านทรงให้ความกรุณาอย่างมาก ได้พูดคุยกันนานพอสมควร
สั่งกรมบัญชีกลางไปทำออปชัน
ช่วงบ่ายที่กระทรวงการคลัง นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ภายหลังการมอบนโยบายแก่ข้าราชการกระทรวงการคลัง ถึงกรณีสั่งการให้กรมบัญชีกลางไปปรับการจ่ายเงินเดือนข้าราชการเป็น 2 รอบว่า ปัจจุบันมีการจ่ายเงินเดือนเดือนละหน แต่การแบ่งจ่าย 2 หนจะช่วยแบ่งเบาภาระสำหรับคนที่มีหนี้สิน สามารถจ่ายหนี้สินคืนได้เร็วขึ้น สามารถหักจ่ายเป็น 2 งวดได้ และสามารถจัดสรรได้ ส่วนที่มีบางคนบอกว่าเป็นเรื่องของกระแสเงินสดที่รัฐบาลมีปัญหา ไม่ใช่เช่นนั้น ถ้าใครไม่มีหนี้สามารถนำเงินไปลงทุนทำประโยชน์อื่นหรือฝากธนาคารได้ ขอให้เป็นทางเลือก เข้าใจว่าการเสนอทางเลือกใหม่มีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ แต่รัฐบาลบริหารจัดการโดยมีขีดงบประมาณที่จำกัด เราต้องคำนึงถึงทุกมิติของการออกแต่ละนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่เป็นภาระงบประมาณ แนวทางนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เป็นแค่โปรแกรมใหม่ที่จะจ่ายเงินอย่างไรเมื่อไร เราคำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง มีหลายคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าราชการชั้นผู้น้อยที่เพิ่งเข้ามาทำงาน อาจมีปัญหาภาระทางการเงิน ต้องแบ่งจ่ายชักหน้าไม่ถึงหลัง กรมบัญชีกลางจะทำเป็นออปชันให้เลือกว่าจะเอาแบบไหน ตรงนี้ใจเย็นนิดหนึ่ง
ลั่นสู้ต่อเพราะเป็นทางเลือกที่ดี
นายเศรษฐากล่าวต่อว่า รัฐบาลทำการศึกษามาก่อนหน้า สอบถามไปยังข้าราชการทุกระดับ คุยหมดและถามหมด หวังว่าบริษัทเอกชนน่าจะลองเอาไปเป็นทางเลือก ขอใช้คำว่าทางเลือกนี้เป็นทางเลือกที่ดี คือแบ่งจ่าย 2 หน หรือจ่ายทีเดียวก็ได้หากไม่ชอบ มีแต่ดีขึ้นกับเสมอตัว ถ้าใครไม่ชอบก็เอาแบบเก่า ถ้าใครจะจ่าย 2 หนก็สามารถทำได้ เช่น หนี้ครู สามารถแบ่งจ่าย 2 หนได้ โดยไปพูดคุยกับสถาบันการเงิน เพราะเขาต้องการเพียงแค่หนี้คืน ส่วนจะจ่ายอย่างไรเป็นเรื่องที่ไปพูดคุยกันได้ เพราะทุกคนทราบดีว่าพี่น้องประชาชนประสบปัญหาเรื่องเศรษฐกิจกระแสเงินสดเราก็คิดและทำมาให้ เมื่อถามว่าเหมือนนายกฯจะหวังดี แต่กระแสที่ออกมากลับตรงกันข้าม นายเศรษฐาตอบว่า “สู้ต่อครับ ไม่มีอะไรครับ ทราบอยู่แล้วว่าการออกนโยบายมา ต้องมีทั้งกระแสลบ กระแสบวก”
บอก “คนชมก็มีเยอะนะครับ”
เมื่อถามย้ำว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะปรับใหม่เป็นการไปเพิ่มเงินเดือนข้าราชการ นายเศรษฐายิ้มก่อนตอบว่า “อย่างที่บอกไปเมื่อกี้ว่าเป็นแผนระยะยาว แต่ต้องดูองค์รวมทั้งหมดของข้าราชการที่เกษียณและที่เข้ามาใหม่ว่าเป็นอย่างไร” เมื่อถามอีกว่าแสดงว่ามีแผนอยู่ในใจว่าจะขึ้นเงินเดือนข้าราชการใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ถ้าพร้อมแล้วจะแถลงไม่ต้องห่วง เรื่องปากท้องข้าราชการทุกภาคส่วนอยู่ในใจ ครม.ชุดนี้อยู่แล้ว แต่หากเกิดพูดอะไรไปเดี๋ยวจะมีการเข้าใจผิดอีก เข้าใจดีว่าทุกภาคส่วนเดือดร้อน การประชุม ครม.นัดแรกเราพยายามเข็นนโยบายดีๆ ก็พยายามให้มีภาวะสมดุลเพื่อให้ทราบว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่บ้าง พยายามอยู่อยากทำให้ดีที่สุด ให้ทุกคนและคนหมู่มากมีความสุข นโยบายโดนใจทุกคน ผู้สื่อข่าวถามว่ายังไม่ท้อใจใช่หรือไม่ที่โดนด่าเรื่องนี้ นายเศรษฐาตอบว่า “คนชมก็มีเยอะนะครับ แต่ก็อย่างว่าผมต้องฟังทุกเสียงทั้งติทั้งชม เพราะเป็นบุคคลสาธารณะแล้ว เสียงบางเสียงก็มีประโยชน์ ติก็ขอให้ติอย่างสร้างสรรค์”
บ่นกลางวง วปอ.สภาอึมครึม
ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เป็นประธานการแถลงผลการศึกษาเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 65 วิทยาลัยเสนาธิการทหารรุ่นที่ 64 วิทยาลัยการทหารบก รุ่นที่ 68 วิทยาลัยการทัพเรือ รุ่นที่ 55 วิทยาลัยการทัพอากาศ รุ่นที่ 57 และหลักสูตรการบริหารความมั่นคงสำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 4 ภายใต้หัวข้อ “สังคมแห่งภูมิปัญญาที่ยั่งยืน” มีนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ รวมทั้งผู้แทนจากส่วนราชการเข้าร่วม นายเศรษฐากล่าวว่า เสียดายไม่ได้มา วปอ. เร็วกว่านี้ ถ้ามาเร็วกว่านี้จะใช้ในการแถลงนโยบายรัฐบาล เป็นเกียรติของตนที่ วปอ.เชิญมาพูดคุย ได้ฟังการบรรยายที่เป็นผลดีของประเทศหลายเรื่อง หลายเรื่องเป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ถือฤกษ์ดีวันพระ กราบนมัสการสมเด็จพระสังฆราช เพื่อความสิริมงคล พร้อมประกาศเดินหน้านโยบายที่เริ่มดำเนินการไปแต่ถูกโจมตีหนัก ทั้งเรื่องการจ่ายเงินเดือนข้าราชการเป็น 2 รอบ
นายกฯกราบสมเด็จพระสังฆราช
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 ก.ย.ที่วัดราชบพิธ สถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ถือฤกษ์วันพระถวายเครื่องสักการะแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมคณะ ทันทีที่มาถึงนายกฯวางพวงมาลัยถวายสักการะพระ บรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บริเวณด้านข้างพระอุโบสถ กราบนมัสการสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก นายเศรษฐากล่าวคำถวายเครื่องสักการะ ซึ่งสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีพระดำรัสก่อนที่นายกฯจะกราบทูลลา ทั้งนี้ มีชายชาวบางพลัด วัย 68 ปี มอบเหรียญหลวงพ่อทันใจ ให้กับนายกฯ ระบุขอให้ทำงานสำเร็จทันใจ
ปลาบปลื้มประทานพรหลายเรื่อง
จากนั้นนายกฯเดินทางไปยังวัดไตรมิตรวิทยาราม ถวายเครื่องสักการะ และสนทนาธรรมกับสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (เจ้าคุณธงชัย) อยู่พักหนึ่งจึงเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐากล่าวว่า สมเด็จพระสังฆราชประทานพรหลายเรื่อง ท่านทรงให้ความกรุณาอย่างมาก ได้พูดคุยกันนานพอสมควร
สั่งกรมบัญชีกลางไปทำออปชัน
ช่วงบ่ายที่กระทรวงการคลัง นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ภายหลังการมอบนโยบายแก่ข้าราชการกระทรวงการคลัง ถึงกรณีสั่งการให้กรมบัญชีกลางไปปรับการจ่ายเงินเดือนข้าราชการเป็น 2 รอบว่า ปัจจุบันมีการจ่ายเงินเดือนเดือนละหน แต่การแบ่งจ่าย 2 หนจะช่วยแบ่งเบาภาระสำหรับคนที่มีหนี้สิน สามารถจ่ายหนี้สินคืนได้เร็วขึ้น สามารถหักจ่ายเป็น 2 งวดได้ และสามารถจัดสรรได้ ส่วนที่มีบางคนบอกว่าเป็นเรื่องของกระแสเงินสดที่รัฐบาลมีปัญหา ไม่ใช่เช่นนั้น ถ้าใครไม่มีหนี้สามารถนำเงินไปลงทุนทำประโยชน์อื่นหรือฝากธนาคารได้ ขอให้เป็นทางเลือก เข้าใจว่าการเสนอทางเลือกใหม่มีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ แต่รัฐบาลบริหารจัดการโดยมีขีดงบประมาณที่จำกัด เราต้องคำนึงถึงทุกมิติของการออกแต่ละนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่เป็นภาระงบประมาณ แนวทางนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เป็นแค่โปรแกรมใหม่ที่จะจ่ายเงินอย่างไรเมื่อไร เราคำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง มีหลายคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าราชการชั้นผู้น้อยที่เพิ่งเข้ามาทำงาน อาจมีปัญหาภาระทางการเงิน ต้องแบ่งจ่ายชักหน้าไม่ถึงหลัง กรมบัญชีกลางจะทำเป็นออปชันให้เลือกว่าจะเอาแบบไหน ตรงนี้ใจเย็นนิดหนึ่ง
ลั่นสู้ต่อเพราะเป็นทางเลือกที่ดี
นายเศรษฐากล่าวต่อว่า รัฐบาลทำการศึกษามาก่อนหน้า สอบถามไปยังข้าราชการทุกระดับ คุยหมดและถามหมด หวังว่าบริษัทเอกชนน่าจะลองเอาไปเป็นทางเลือก ขอใช้คำว่าทางเลือกนี้เป็นทางเลือกที่ดี คือแบ่งจ่าย 2 หน หรือจ่ายทีเดียวก็ได้หากไม่ชอบ มีแต่ดีขึ้นกับเสมอตัว ถ้าใครไม่ชอบก็เอาแบบเก่า ถ้าใครจะจ่าย 2 หนก็สามารถทำได้ เช่น หนี้ครู สามารถแบ่งจ่าย 2 หนได้ โดยไปพูดคุยกับสถาบันการเงิน เพราะเขาต้องการเพียงแค่หนี้คืน ส่วนจะจ่ายอย่างไรเป็นเรื่องที่ไปพูดคุยกันได้ เพราะทุกคนทราบดีว่าพี่น้องประชาชนประสบปัญหาเรื่องเศรษฐกิจกระแสเงินสดเราก็คิดและทำมาให้ เมื่อถามว่าเหมือนนายกฯจะหวังดี แต่กระแสที่ออกมากลับตรงกันข้าม นายเศรษฐาตอบว่า “สู้ต่อครับ ไม่มีอะไรครับ ทราบอยู่แล้วว่าการออกนโยบายมา ต้องมีทั้งกระแสลบ กระแสบวก”
บอก “คนชมก็มีเยอะนะครับ”
เมื่อถามย้ำว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะปรับใหม่เป็นการไปเพิ่มเงินเดือนข้าราชการ นายเศรษฐายิ้มก่อนตอบว่า “อย่างที่บอกไปเมื่อกี้ว่าเป็นแผนระยะยาว แต่ต้องดูองค์รวมทั้งหมดของข้าราชการที่เกษียณและที่เข้ามาใหม่ว่าเป็นอย่างไร” เมื่อถามอีกว่าแสดงว่ามีแผนอยู่ในใจว่าจะขึ้นเงินเดือนข้าราชการใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ถ้าพร้อมแล้วจะแถลงไม่ต้องห่วง เรื่องปากท้องข้าราชการทุกภาคส่วนอยู่ในใจ ครม.ชุดนี้อยู่แล้ว แต่หากเกิดพูดอะไรไปเดี๋ยวจะมีการเข้าใจผิดอีก เข้าใจดีว่าทุกภาคส่วนเดือดร้อน การประชุม ครม.นัดแรกเราพยายามเข็นนโยบายดีๆ ก็พยายามให้มีภาวะสมดุลเพื่อให้ทราบว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่บ้าง พยายามอยู่อยากทำให้ดีที่สุด ให้ทุกคนและคนหมู่มากมีความสุข นโยบายโดนใจทุกคน ผู้สื่อข่าวถามว่ายังไม่ท้อใจใช่หรือไม่ที่โดนด่าเรื่องนี้ นายเศรษฐาตอบว่า “คนชมก็มีเยอะนะครับ แต่ก็อย่างว่าผมต้องฟังทุกเสียงทั้งติทั้งชม เพราะเป็นบุคคลสาธารณะแล้ว เสียงบางเสียงก็มีประโยชน์ ติก็ขอให้ติอย่างสร้างสรรค์”
บ่นกลางวง วปอ.สภาอึมครึม
ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เป็นประธานการแถลงผลการศึกษาเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 65 วิทยาลัยเสนาธิการทหารรุ่นที่ 64 วิทยาลัยการทหารบก รุ่นที่ 68 วิทยาลัยการทัพเรือ รุ่นที่ 55 วิทยาลัยการทัพอากาศ รุ่นที่ 57 และหลักสูตรการบริหารความมั่นคงสำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 4 ภายใต้หัวข้อ “สังคมแห่งภูมิปัญญาที่ยั่งยืน” มีนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ รวมทั้งผู้แทนจากส่วนราชการเข้าร่วม นายเศรษฐากล่าวว่า เสียดายไม่ได้มา วปอ. เร็วกว่านี้ ถ้ามาเร็วกว่านี้จะใช้ในการแถลงนโยบายรัฐบาล เป็นเกียรติของตนที่ วปอ.เชิญมาพูดคุย ได้ฟังการบรรยายที่เป็นผลดีของประเทศหลายเรื่อง หลายเรื่องเป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว