Talk of The Town
PJW ปักหมุดปี 66 รายได้โต 10% ตามนัด จับมือพันธมิตรออกโปรดักส์ใหม่ สร้าง New S -Curve
18 กันยายน 2566
บมจ.ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) สัญญาณแรง! แนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังสดใส รับอานิสงส์เศรษฐกิจฟื้น ธุรกิจท่องเที่ยวกลับมาบูม หลังรัฐบาลใหม่ประกาศนโยบายฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน กระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้าย รับไฮซีซั่น ฟากบิ๊กบอส "วิวรรธน์ เหมมณฑารพ"แย้มช่วงปลายปีมีสัญญาณดีต่อเนื่อง ดีมานด์บรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นและนมเพิ่มขึ้น ตุนออเดอร์ชิ้นส่วนยานยนต์เพียบ ธุรกิจลอนดรี้ได้รับประโยชน์เต็มๆ สนับสนุนรายได้ปีนี้เติบโตตามเป้า 10% พร้อมเดินหน้าจับมือพันธมิตรออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ด้านการแพทย์ ดันมาร์จิ้นพุ่ง สร้าง New S -Curve
นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) (PJW) เปิดเผยว่าแนวโน้มผลการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง หลังรัฐบาลชุดใหม่ประกาศนโยบาย “ฟรีวีซ่า” (Free visa) ให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในไตรมาส 4/2566 ที่เป็นผลดีต่อภาคธุรกิจโรงแรม และรีสอร์ท รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวชัดเจน ส่งผลเชิงบวกต่อสินค้าหลักของบริษัทฯในกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งน้ำมันหล่อลื่นและนมเปรี้ยว กลับมาเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงยอดขายชิ้นส่วนยานยนต์ที่จะเพิ่มขึ้นจากการที่นิวโมเดลเข้ามามากขึ้น หลังจากที่ต้องเลื่อนออกไปจากสถานการณ์เซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลนในช่วงที่ผ่านมา และยังกระตุ้นให้ธุรกิจลอนดรี้ได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยว
สำหรับธุรกิจลอนดรี้ในปีนี้ คาดว่าจะไม่ขาดทุน และยังคงมีสัญญาณดีอย่างต่อเนื่อง อานิสงส์จากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยว ทำให้มียอดขายเข้ามาและมีสัญญาเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มโรงแรม โรงพยาบาลรวมถึงขนส่ง ซึ่งคาดว่าจะสร้างผลกำไรอย่างโดดเด่นภายในปี 2567
“สำหรับในปี 2566 นี้ บริษัทฯได้วางงบลงทุนไว้ประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งแบ่งการลงทุนเป็น 3 ส่วน ได้แก่ กลุ่มธุรกิจลอนดรี้ โดยจะเป็นการลงทุนในเรื่องของเครื่องจักร เพื่อขยายกำลังการผลิตและลดต้นทุน รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การลงทุนรวมถึงการปรับปรุงในอาคารสำนักงาน และแผงโซลาร์รูฟ ขณะที่ลงทุนในไลน์ผลิตในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน รวมถึงลงทุนระบบออโตเมชั่น ทั้งนี้ ยอดขายของส่วนงานกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์กำลังกลับมาฟื้นตัว และเชื่อว่าในอนาคตจะยังคงทิศทางที่เติบโตต่อเนื่อง โดยการลงทุนนี้เพื่อรองรับการขยายตัวของกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ในอนาคต ทั้งนี้ ปัจจุบัน มีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) จากกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ต่อเนื่องไปถึงปี 2568 แล้ว” นายวิวรรธน์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯตั้งเป้าปี 2566 รายได้เติบโตระดับ 10% โดยจะเร่งแผนการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อรักษาอัตรากำไรในภาวะที่ต้นทุนการผลิต ทั้งค่าแรงและค่าพลังงาน รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่เริ่มอยู่ในช่วงขาขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทฯยังคงเดินหน้าที่จะเพิ่มช่องทางสร้างรายได้จากการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้าง New S-Curve ผลักดันการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยขณะนี้สายการผลิตบางส่วนได้แล้วเสร็จและอยู่ในขั้นตอนของการทดสอบผลิตภัณฑ์เพื่อขอมาตรฐานจากสำนักคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และคาดว่าจะเริ่มขายได้ปลายไตรมาส 2 หรือต้นไตรมาส 3 ปี2567 พร้อมกับมีพันธมิตรที่มีความมั่นใจได้เริ่มติดต่อเข้ามา รวมทั้งยังคงเปิดโอกาสในการศึกษาและหา Synergy ร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติกเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง และคาดว่าจะเป็นอีกธุรกิจที่จะสนับสนุนการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
อนึ่ง ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 บริษัทฯมีรายได้รวม 904.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 41.66 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิรวมเท่ากับ 4.6% เพิ่มจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิรวม 1.2% และมีอัตราการเติบโต 250% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน
นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) (PJW) เปิดเผยว่าแนวโน้มผลการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง หลังรัฐบาลชุดใหม่ประกาศนโยบาย “ฟรีวีซ่า” (Free visa) ให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในไตรมาส 4/2566 ที่เป็นผลดีต่อภาคธุรกิจโรงแรม และรีสอร์ท รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวชัดเจน ส่งผลเชิงบวกต่อสินค้าหลักของบริษัทฯในกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งน้ำมันหล่อลื่นและนมเปรี้ยว กลับมาเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงยอดขายชิ้นส่วนยานยนต์ที่จะเพิ่มขึ้นจากการที่นิวโมเดลเข้ามามากขึ้น หลังจากที่ต้องเลื่อนออกไปจากสถานการณ์เซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลนในช่วงที่ผ่านมา และยังกระตุ้นให้ธุรกิจลอนดรี้ได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยว
สำหรับธุรกิจลอนดรี้ในปีนี้ คาดว่าจะไม่ขาดทุน และยังคงมีสัญญาณดีอย่างต่อเนื่อง อานิสงส์จากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยว ทำให้มียอดขายเข้ามาและมีสัญญาเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มโรงแรม โรงพยาบาลรวมถึงขนส่ง ซึ่งคาดว่าจะสร้างผลกำไรอย่างโดดเด่นภายในปี 2567
“สำหรับในปี 2566 นี้ บริษัทฯได้วางงบลงทุนไว้ประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งแบ่งการลงทุนเป็น 3 ส่วน ได้แก่ กลุ่มธุรกิจลอนดรี้ โดยจะเป็นการลงทุนในเรื่องของเครื่องจักร เพื่อขยายกำลังการผลิตและลดต้นทุน รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การลงทุนรวมถึงการปรับปรุงในอาคารสำนักงาน และแผงโซลาร์รูฟ ขณะที่ลงทุนในไลน์ผลิตในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน รวมถึงลงทุนระบบออโตเมชั่น ทั้งนี้ ยอดขายของส่วนงานกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์กำลังกลับมาฟื้นตัว และเชื่อว่าในอนาคตจะยังคงทิศทางที่เติบโตต่อเนื่อง โดยการลงทุนนี้เพื่อรองรับการขยายตัวของกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ในอนาคต ทั้งนี้ ปัจจุบัน มีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) จากกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ต่อเนื่องไปถึงปี 2568 แล้ว” นายวิวรรธน์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯตั้งเป้าปี 2566 รายได้เติบโตระดับ 10% โดยจะเร่งแผนการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อรักษาอัตรากำไรในภาวะที่ต้นทุนการผลิต ทั้งค่าแรงและค่าพลังงาน รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่เริ่มอยู่ในช่วงขาขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทฯยังคงเดินหน้าที่จะเพิ่มช่องทางสร้างรายได้จากการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้าง New S-Curve ผลักดันการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยขณะนี้สายการผลิตบางส่วนได้แล้วเสร็จและอยู่ในขั้นตอนของการทดสอบผลิตภัณฑ์เพื่อขอมาตรฐานจากสำนักคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และคาดว่าจะเริ่มขายได้ปลายไตรมาส 2 หรือต้นไตรมาส 3 ปี2567 พร้อมกับมีพันธมิตรที่มีความมั่นใจได้เริ่มติดต่อเข้ามา รวมทั้งยังคงเปิดโอกาสในการศึกษาและหา Synergy ร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติกเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง และคาดว่าจะเป็นอีกธุรกิจที่จะสนับสนุนการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
อนึ่ง ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 บริษัทฯมีรายได้รวม 904.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 41.66 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิรวมเท่ากับ 4.6% เพิ่มจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิรวม 1.2% และมีอัตราการเติบโต 250% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน