Gossip Station..by เจ๊จิ๋ม

เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 19-09-23


19 กันยายน 2566
เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 19-09-23

19-09-23 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ   

*** เมื่อวานนี้ SET  INDEX ปิดวันนี้ที่ 1,527.57 จุด ลดลง 14.46 จุด (-0.94%) มูลค่าการซื้อขาย 42,566.65 ล้านบาท  โดยการซื้อขายหุ้นวานนี้ ดัชนีแกว่งแดนลบตลอดทั้งวัน ทำจุดต่ำสุด 1,525.47 จุด ทำจุดสูงสุดที่ 1,539.40 จุด 

***มีรายงานว่าที่หุ้นไทยปรับลงเมื่อวาน เป็นการปรับตัวลงตามตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ ซึ่งเคลื่อนไหวทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวลงในวันศุกร์ที่ 15 ก.ย. โดยบ้านเราเจอแรงขายกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ในตอนแรก ต่อมากลุ่มโรงไฟฟ้าก็ถูกกดดันจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบลดค่าไฟฟ้างวดเดือนก.ย.-ธ.ค. 66 ลงอีกรอบเหลือ 3.99 บาท นอกจากนี้ยังมีความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นอาจทำให้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นได้

***ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ กูรูหุ้นคาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ระหว่างรอติดตามการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 19-20 ก.ย. ขณะที่ธนาคากลางอังกฤษ (BoE) จะประชุมวันที่ 21 ก.ย. และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) วันที่ 22 ก.ย.นี้

***ทางด้านเซียนหุ้นค่าย ASPS บอกว่า "เงินเฟ้อมีโอกาสกลับมา...แต่ไม่น่าแรงพอให้ดอกเบี้ยเปลี่ยนทิศ"  โดยมองว่าภาพของการดีดตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่อาจทำให้ปัญหาเงินเฟ้อกลับมาอีกครั้งในระยะข้างหน้า โดยมีแรงกดดันที่มาจากทั้งฝั่ง Supply และ Demand รายละเอียดดังนี้   Cost Push Inflation (เงินเฟ้อฝั่ง Supply)  
-ความกังวลปรากฏการณ์เอลนีโญที่อาจทวีรุนแรงมากขึ้น ขณะที่ล่าสุด อินเดียเตรียมรับมือโดยการประกาศห้ามส่งออกน้ำตาลตั้งแต่เดือน ต.ค. เป็นต้นไป กดดันราคาน้ำตาลปรับตัวขึ้นสูงกว่า 6.8%Mtd และ 51.7%Ytd 
-คลังน้ำมันเชื้อเพลิงมีแนวโน้มลดลง หลังซาอุฯ และรัสเซียประกาศขยายเวลา ลดกำลังการผลิตไปจนถึงสิ้นปีนี้ กดดันราค้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นราว 8.5%Mtd และ 13.1%Ytd

***Demand Pull Inflation (เงินเฟ้อฝั่ง Demand) จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่มีสัญญาณดีขึ้น หลังรัฐบาลจีนกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีรายงาน ตัวเลขเพิ่มเติมในเดือน ส.ค. อาทิ Industrial Production ออกมา +4.5%YoY สูง กว่าตลาดคาดและเดือนก่อนหน้าเช่นเดียวกับ Retail Sales ที่ออกมา +4.6%YoY สะท้อนการฟื้นตัวในภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริโภค นอกจากนี้ภาคการจ้างงานเริ่มดูดีขึ้น หลังการว่างงานปรับตัวลดลงเหลือ 5.2% 

***ความคาดหวังเศรษฐกิจจีนจะค่อยๆ ดีขึ้น อาจหนุนให้ธีม China Play กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง โดยฝ่ายวิจัยฯ ได้รวบรวมกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว  โดยมี 5 หุ้นเด่นที่น่าซื้อสะสมสุดในช่วงนี้ SCGP, IVL, PTTGC, III, ERW

***ภาวะดังกล่าวอาจกดดันให้เงินเฟ้อมีโอกาสขยับขึ้น แต่เชื่อว่าสถานการณ์ในปัจจุบัน ยังไม่น่ารุนแรงมากพอที่จะทำให้ธนาคารกลางต่างๆ กลับมาเร่งขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง ขณะที่สัปดาห์นี้มีธนาคารกลางหลายแห่งจะมีการจัดประชุมฯ ซึ่งต้องติดตามอ้างใกล้ชิด เฉพาะอย่างยิ่ง Fed ที่อาจเห็นการคงดอกเบี้ยไว้ที่ 5.5% รวมถึงจะมีรายงาน Dot Pot และ Projection ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ

***โดยสรุปของเรื่องนี้คือ..ปัญหาเงินเฟ้อมีความเสี่ยงขยับขึ้นในระยะข้างหน้า จากหลายปัจจัยที่เข้ามา กดดัน ทั้งจากฝั่ง Supply (เอลนีโญป่วนหนัก, กำลังการผลิตน้ำมันลดลง) และฝั้ง Demand (เศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณฟื้นตัว) อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในปัจจุบันยัง ไม่น่ารุนแรงมากพอที่จะทำให้ธนาคารกลางต่างๆ กลับมาเร่งขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง

***MENA เข้าตาเซียนหุ้นจังเบ้อเร่อ!!! ออกคำแนะนำ  “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 2.50 บาท อิงวิธี DCF (WACC 7.7%, TG 2.0%) โดยระบุว่ามีมุมมองเป็นบวกจากงาน SET Opportunity Day  จากพัฒนาการของธุรกิจที่ดี โดยสรุประเด็นดังนี้ 
1) ปัจจุบันมีจำนวนรถให้บริการ 630 คัน (YTD เพิ่มขึ้น 68 คัน) โดยในช่วงที่เหลือของปีมี แผนเพิ่มจำนวนรถอีกราว 46 คัน รวมเพิ่มขึ้นในปีนี้ 114 คัน ทะลุเป้าเดิมที่ 100 คัน 
2) TMD ให้บริการ CJ และ ถูกดีมีมาตรฐาน ครบ 100% ภายใน 3Q23E ส่วน 4Q23E เตรียมขยายบริการขนส่งเบียร์ 
3) คงเป้ารายได้ปี 2023E ที่ 800 ล้านบาท (+15% YoY) (ใกล้เคียงประมาณการ) 

***เบื้องต้นยังคงประมาณการกำไรปกติของ MENA ปี 2023E ที่ 68 ล้านบาท (+32% YoY) แม้จำนวนรถที่เพิ่มขึ้นมีแนวโน้มมากกว่าที่ประเมินที่ 100 คัน แต่ส่วนใหญ่จะเข้าปลายปีประเมิน ไม่ส่งผลกระทบต่อประมาณการอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนการขนส่งเบียร์ยังไม่ได้รวมเข้ามาในประมาณการมีโอกาสเกิด upside ต่อประมาณการปี 2024E อย่างไรก็ตามรอดูพัฒนาการของธุรกิจดังกล่าวที่จะมีขึ้นใน 4Q23E ก่อนปรับ ประมาณการราคาหุ้น outperform SET ราว +12% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา จากแนวโน้มกำไรที่เติบโตได้ดี YoY ซึ่งประเมินยังเป็นปัจจัยที่จะทำให้หุ้น outperform ต่อได้จากผลประกอบการที่เติบโตได้ชัดเจนในระยะ 2 ปีข้างหน้า ตามการขยายกองรถ โดย ณ ราคาเป้าหมายจะคิดเป็น Forward PER ที่ 26x ใกล้เคียงอัตราการเติบโตของกำไรในช่วง CAGR22-24E ที่ 30% (PEG 0.9x)