บมจ.ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศอย่างครบวงจร พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 20 ก.ย. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,456 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “SINO”
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มบริการ หมวดธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “SINO” ในวันที่ 20 กันยายน 2566
SINO เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศครบวงจร (Integrated Logistics Services) ครอบคลุมการให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Freight Forwarder) ทางทะเล ทางอากาศ และการขนส่งต่อเนื่องตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางทั่วโลก รวมถึงการให้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น คลังสินค้าให้เช่า การขนส่งทางบก และพิธีการศุลกากร เป็นต้น บริษัทมีความชำนาญในเส้นทางการขนส่งทางทะเลไปยังโซนอเมริกาเหนือ ซึ่งสร้างรายได้หลัก 76% ของรายได้จากการให้บริการรวมในปี 2565 ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจโลจิสติกส์มามากกว่า 24 ปีของผู้บริหาร รวมไปถึงศักยภาพในการจัดหาระวางเรือเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วภายใต้ต้นทุนที่คุ้มค่า ทำให้บริษัทมีความสามารถในการแข่งขัน และขยายฐานลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง นำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
SINO มีจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วหลัง IPO 1,040 ล้านหุ้น ประกอบด้วย หุ้นสามัญเดิม 800 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 240 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท รวมทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลัง IPO 520 ล้านบาท โดยเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนจำนวนรวม 292 ล้านหุ้น ประกอบด้วย หุ้นสามัญเพิ่มทุน 240 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมของนายเถิ่งฟ้ง เหยิ่ง 52 ล้านหุ้น ให้แก่บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้มีอุปการคุณ กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท และบริษัทย่อย ในระหว่างวันที่ 13-15 กันยายน ในราคาหุ้นละ 1.40 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 336 ล้านบาท และมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,456 ล้านบาท โดยมี บจก. เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย
นายนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น หรือ SINO เปิดเผยว่า บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่หุ้น SINO ได้เข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเชื่อมั่นว่าการนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่ง เพื่อรองรับแผนการขยายธุรกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน อันจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับขับเคลื่อนบริษัทให้ก้าวสู่ความเป็นหนึ่งในผู้นำการให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศอย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน โดยจะใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้เพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจ จากแผนลงทุนขยายพื้นที่บริการรับฝากตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ รวมถึงลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจภายในประเทศและกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาวของ SINO ต่อไป
SINO มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ กลุ่มวิทยศักดิ์พันธ์ ถือหุ้น 25.00% กลุ่มลีลาวัฒนพณิช ถือหุ้น 22.73% กลุ่มนายเถิ่งฟ้ง เหยิ่ง 10.16% และกลุ่มกฤษเจริญ 9.09%
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและบริษัทกำหนดไว้ในแต่ละปี รวมถึงภาระผูกพันตามเงื่อนไขของสัญญาเงินกู้ ทั้งนี้ บริษัทอาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลแตกต่างไปจากนโยบายที่กำหนดไว้ได้ โดยจะคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นและบริษัทเป็นหลัก
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มบริการ หมวดธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “SINO” ในวันที่ 20 กันยายน 2566
SINO เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศครบวงจร (Integrated Logistics Services) ครอบคลุมการให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Freight Forwarder) ทางทะเล ทางอากาศ และการขนส่งต่อเนื่องตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางทั่วโลก รวมถึงการให้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น คลังสินค้าให้เช่า การขนส่งทางบก และพิธีการศุลกากร เป็นต้น บริษัทมีความชำนาญในเส้นทางการขนส่งทางทะเลไปยังโซนอเมริกาเหนือ ซึ่งสร้างรายได้หลัก 76% ของรายได้จากการให้บริการรวมในปี 2565 ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจโลจิสติกส์มามากกว่า 24 ปีของผู้บริหาร รวมไปถึงศักยภาพในการจัดหาระวางเรือเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วภายใต้ต้นทุนที่คุ้มค่า ทำให้บริษัทมีความสามารถในการแข่งขัน และขยายฐานลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง นำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
SINO มีจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วหลัง IPO 1,040 ล้านหุ้น ประกอบด้วย หุ้นสามัญเดิม 800 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 240 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท รวมทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลัง IPO 520 ล้านบาท โดยเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนจำนวนรวม 292 ล้านหุ้น ประกอบด้วย หุ้นสามัญเพิ่มทุน 240 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมของนายเถิ่งฟ้ง เหยิ่ง 52 ล้านหุ้น ให้แก่บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้มีอุปการคุณ กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท และบริษัทย่อย ในระหว่างวันที่ 13-15 กันยายน ในราคาหุ้นละ 1.40 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 336 ล้านบาท และมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,456 ล้านบาท โดยมี บจก. เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย
นายนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น หรือ SINO เปิดเผยว่า บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่หุ้น SINO ได้เข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเชื่อมั่นว่าการนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่ง เพื่อรองรับแผนการขยายธุรกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน อันจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับขับเคลื่อนบริษัทให้ก้าวสู่ความเป็นหนึ่งในผู้นำการให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศอย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน โดยจะใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้เพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจ จากแผนลงทุนขยายพื้นที่บริการรับฝากตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ รวมถึงลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจภายในประเทศและกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาวของ SINO ต่อไป
SINO มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ กลุ่มวิทยศักดิ์พันธ์ ถือหุ้น 25.00% กลุ่มลีลาวัฒนพณิช ถือหุ้น 22.73% กลุ่มนายเถิ่งฟ้ง เหยิ่ง 10.16% และกลุ่มกฤษเจริญ 9.09%
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและบริษัทกำหนดไว้ในแต่ละปี รวมถึงภาระผูกพันตามเงื่อนไขของสัญญาเงินกู้ ทั้งนี้ บริษัทอาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลแตกต่างไปจากนโยบายที่กำหนดไว้ได้ โดยจะคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นและบริษัทเป็นหลัก