Mr Data
2 หุ้นร้อน พ.ศ.นี้ คงหนีไม่พ้น…บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (TRC) และ บริษัท เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (WAVE) แม้จะเป็นหุ้นที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขึ้นเครื่องหมาย C(Caution)
เตือนผู้ลงทุนกรณีบริษัทจดทะเบียนมีเหตุการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อฐานะการเงินและการดำเนินธุรกิจ ซึ่งผู้ลงทุนจะต้องซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าวด้วยบัญชีแคชบาลานซ์ (Cash Balance) เท่านั้น!!!
แต่ก็ไม่สามารถหยุดความร้อนแรงของ TRC และ WAVE จากแรงเก็งกำไรของนักลงทุนรายย่อย จากความคาดหวังผลการดำเนินงานในปี 2566 น่าจะ “เทิร์นอะราวด์” หลังมีข่าวดี การปรับโครงสร้างธุรกิจ ชนิดที่เรียกได้ว่า BIG Change
เพื่อปลดพันธนาการ เครื่องหมาย C
เริ่มจาก TRC รายนี้! ราคาเพิ่มขึ้นกว่า 193.10% แตะที่ 0.85 บาท (ราคาปิด ณ วันที่ 9 ก.พ.66) เทียบราคาปิดวันที่ 30 ธ.ค.65 อยู่ที่ 0.29 บาท
วิ่งรับข่าว ครม. มีมติมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงานหลักในการพิจารณาความจำเป็นและความเหมาะสมการลงทุนโครงการทำเหมืองแร่โปแตช อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ วงเงิน 63,800 ล้านบาท
ถือเป็นตัวแปรสำคัญผลักดันราคาหุ้น TRC เนื่องจาก TRC มีสัดส่วนการถือหุ้นใน “อาเซียนโปแตชชัยภูมิ” ประมาณ 25.13%
ยิ่งมีข่าววงในว่า บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) และรัฐบาลมาเลเซีย เข้าเพิ่มทุน 20,000 ล้านบาท โดยทาง EA จะถือหุ้น 25% ส่วนกระทรวงการคลังพร้อมรักษาสัดส่วนถือหุ้น 20%
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดคงได้ข้อสรุปเร็วๆนี้
แล้วใครจะอดใจไหว
ส่วนอีกราย WAVE สัปดาห์หน้า จับตาการประกาศงบไตรมาส 4/65 ที่ว่ากันว่า “เทิร์นอะราวด์” ชัดเจน นำไปสู่การปลดเครื่องหมาย C ในไม่ช้า
ไม่แปลกใจเช่นเดียวกันที่เห็นราคาหุ้นเพิ่มขึ้นกว่า 69.23% แตะที่ 0.22 บาท (ราคาปิด ณ วันที่ 9 ก.พ.66) เทียบราคาปิดวันที่ 30 ธ.ค.65 อยู่ที่ 0.13 บาท
“ปี 2566 ถือเป็นปีแห่งการปรับโครงสร้างใหญ่ธุรกิจครั้งใหญ่ของกลุ่ม WAVE เพื่อมุ่งไปสู่ธุรกิจให้บริการด้านคาร์บอนเครดิตครบวงจร (Carbon Credit และ Renewable Energy Certificate หรือ RECs)”นายเจมส์ แอนดริว มอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (WAVE) กล่าว
โดย WAVE จะเข้าไปเป็นตัวกลางการซื้อขายแลกเปลี่ยน ให้คำปรึกษาและวางแผนด้านคาร์บอนเครดิต ทำหน้าที่ในการจัดหาทรัพยากร ที่มีใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมระหว่างผู้ซื้อผู้ขาย Carbon Credit และ RECs
สำหรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่ม WAVE ในปี 2566 แบ่งออกเป็น 3 ธุรกิจประกอบด้วย 1.ธุรกิจให้บริการด้านคาร์บอนเครดิตครบวงจร ซึ่งดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัท WAVE BCG คาดว่าจะสร้างรายได้ให้บริษัทประมาณ 150-200 ล้านบาท
2.ธุรกิจโรงเรียนสอนภาษาวอลล์สตรีท (Wallstreet) ซึ่งในปีนี้จะยังเป็นกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้กับกลุ่ม WAVE ปัจจุบันมีจำนวน 14 สาขา และมีแผนที่เปิดจะเพิ่มอีก 2 สาขาในปีนี้ ซึ่งจะสร้างรายได้ให้บริษัทประมาณ 500-550 ล้านบาท
และ 3. ธุรกิจด้านสุขภาพและกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ที่ดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัท WAVE Wellbing คาดว่าปีนี้มีรายได้ประมาณ 150 ล้านบาท
“ภาพรวมผลการดำเนินงานปีนี้ รายได้หลักยังจะมาจาก วอลล์สตรีท เราวางเป้าไว้ว่าจะทำให้ WAVE สามารถเทิร์นอะราวด์ได้ แต่กำไรจะไม่เยอะมาก เพราะบริษัทยังมีความจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อลงทุนสำหรับอนาคต ส่วนรายได้จากธุรกิจ Carbon Credit ช่วงแรกไม่หวือหวา ประมาณ 150-200 ล้านบาท”
ถามว่าราคาหุ้น TRC และ WAVE มาไกลไปแล้วหรือไม่…หรือแค่ฉากเริ่มต้นของการ “เทิร์นอะราวด์” เวลาเท่านั้นคือคำตอบ แต่ที่รู้ธุรกิจ Big Change แน่นอน ไม่งั้นพันธมิตรรายใหญ่อย่าง EA คงไม่สนใจ TRC หรือ นักลงทุน VI รายใหญ่ในตลาดทุนอย่าง “สุระ คณิตกุล” ผู้บริหาร COM7 คงไม่เข้ามาถือหุ้นใหญ่เบอร์หนึ่งใน WAVE แน่นอน
2 หุ้นร้อน พ.ศ.นี้ คงหนีไม่พ้น…บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (TRC) และ บริษัท เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (WAVE) แม้จะเป็นหุ้นที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขึ้นเครื่องหมาย C(Caution)
เตือนผู้ลงทุนกรณีบริษัทจดทะเบียนมีเหตุการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อฐานะการเงินและการดำเนินธุรกิจ ซึ่งผู้ลงทุนจะต้องซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าวด้วยบัญชีแคชบาลานซ์ (Cash Balance) เท่านั้น!!!
แต่ก็ไม่สามารถหยุดความร้อนแรงของ TRC และ WAVE จากแรงเก็งกำไรของนักลงทุนรายย่อย จากความคาดหวังผลการดำเนินงานในปี 2566 น่าจะ “เทิร์นอะราวด์” หลังมีข่าวดี การปรับโครงสร้างธุรกิจ ชนิดที่เรียกได้ว่า BIG Change
เพื่อปลดพันธนาการ เครื่องหมาย C
เริ่มจาก TRC รายนี้! ราคาเพิ่มขึ้นกว่า 193.10% แตะที่ 0.85 บาท (ราคาปิด ณ วันที่ 9 ก.พ.66) เทียบราคาปิดวันที่ 30 ธ.ค.65 อยู่ที่ 0.29 บาท
วิ่งรับข่าว ครม. มีมติมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงานหลักในการพิจารณาความจำเป็นและความเหมาะสมการลงทุนโครงการทำเหมืองแร่โปแตช อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ วงเงิน 63,800 ล้านบาท
ถือเป็นตัวแปรสำคัญผลักดันราคาหุ้น TRC เนื่องจาก TRC มีสัดส่วนการถือหุ้นใน “อาเซียนโปแตชชัยภูมิ” ประมาณ 25.13%
ยิ่งมีข่าววงในว่า บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) และรัฐบาลมาเลเซีย เข้าเพิ่มทุน 20,000 ล้านบาท โดยทาง EA จะถือหุ้น 25% ส่วนกระทรวงการคลังพร้อมรักษาสัดส่วนถือหุ้น 20%
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดคงได้ข้อสรุปเร็วๆนี้
แล้วใครจะอดใจไหว
ส่วนอีกราย WAVE สัปดาห์หน้า จับตาการประกาศงบไตรมาส 4/65 ที่ว่ากันว่า “เทิร์นอะราวด์” ชัดเจน นำไปสู่การปลดเครื่องหมาย C ในไม่ช้า
ไม่แปลกใจเช่นเดียวกันที่เห็นราคาหุ้นเพิ่มขึ้นกว่า 69.23% แตะที่ 0.22 บาท (ราคาปิด ณ วันที่ 9 ก.พ.66) เทียบราคาปิดวันที่ 30 ธ.ค.65 อยู่ที่ 0.13 บาท
“ปี 2566 ถือเป็นปีแห่งการปรับโครงสร้างใหญ่ธุรกิจครั้งใหญ่ของกลุ่ม WAVE เพื่อมุ่งไปสู่ธุรกิจให้บริการด้านคาร์บอนเครดิตครบวงจร (Carbon Credit และ Renewable Energy Certificate หรือ RECs)”นายเจมส์ แอนดริว มอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (WAVE) กล่าว
โดย WAVE จะเข้าไปเป็นตัวกลางการซื้อขายแลกเปลี่ยน ให้คำปรึกษาและวางแผนด้านคาร์บอนเครดิต ทำหน้าที่ในการจัดหาทรัพยากร ที่มีใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมระหว่างผู้ซื้อผู้ขาย Carbon Credit และ RECs
สำหรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่ม WAVE ในปี 2566 แบ่งออกเป็น 3 ธุรกิจประกอบด้วย 1.ธุรกิจให้บริการด้านคาร์บอนเครดิตครบวงจร ซึ่งดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัท WAVE BCG คาดว่าจะสร้างรายได้ให้บริษัทประมาณ 150-200 ล้านบาท
2.ธุรกิจโรงเรียนสอนภาษาวอลล์สตรีท (Wallstreet) ซึ่งในปีนี้จะยังเป็นกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้กับกลุ่ม WAVE ปัจจุบันมีจำนวน 14 สาขา และมีแผนที่เปิดจะเพิ่มอีก 2 สาขาในปีนี้ ซึ่งจะสร้างรายได้ให้บริษัทประมาณ 500-550 ล้านบาท
และ 3. ธุรกิจด้านสุขภาพและกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ที่ดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัท WAVE Wellbing คาดว่าปีนี้มีรายได้ประมาณ 150 ล้านบาท
“ภาพรวมผลการดำเนินงานปีนี้ รายได้หลักยังจะมาจาก วอลล์สตรีท เราวางเป้าไว้ว่าจะทำให้ WAVE สามารถเทิร์นอะราวด์ได้ แต่กำไรจะไม่เยอะมาก เพราะบริษัทยังมีความจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อลงทุนสำหรับอนาคต ส่วนรายได้จากธุรกิจ Carbon Credit ช่วงแรกไม่หวือหวา ประมาณ 150-200 ล้านบาท”
ถามว่าราคาหุ้น TRC และ WAVE มาไกลไปแล้วหรือไม่…หรือแค่ฉากเริ่มต้นของการ “เทิร์นอะราวด์” เวลาเท่านั้นคือคำตอบ แต่ที่รู้ธุรกิจ Big Change แน่นอน ไม่งั้นพันธมิตรรายใหญ่อย่าง EA คงไม่สนใจ TRC หรือ นักลงทุน VI รายใหญ่ในตลาดทุนอย่าง “สุระ คณิตกุล” ผู้บริหาร COM7 คงไม่เข้ามาถือหุ้นใหญ่เบอร์หนึ่งใน WAVE แน่นอน