ธนพิริยะ (TNP) ยักษ์ใหญ่ค้าปลีก ส่งสัญญาญบวกครึ่งปีหลังโตแกร่ง เร่งเปิดสาขาเพิ่มอีก 3 สาขา หนุนสิ้นปีมี 46 สาขา แย้มแผนธุรกิจใหม่ มองหาตัวแทนจำหน่ายเพิ่มเติม คาดสร้างรายได้โตเพิ่มอีก 5 % ด้านนโยบายเงินดิจิทัล มองช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในแต่ละสาขาอย่างชัดเจน ส่วนนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาพีค หนุนรายได้โตตามแผน
เภสัชกรหญิงอมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในจังหวัดเชียงราย เผยทิศทางครึ่งปีหลังมี แนวโน้มการเติบโตเป็นไปตามแผน แม้สภาวะตลาดจะอยู่ท่ามกลางการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง แต่ธนพิริยะ ยังสามารถบริหารจัดการได้ดี มีการเปิดสาขาต่อเนื่อง เพื่อรองรับคำสั่งซื้อของผู้บริโภคในพื้นที่ต่าง ๆ พร้อมกับจัดกิจกรรมโปรโมชั่น และไม่หยุดนิ่งที่จะเพิ่มช่องทางการขายอื่นๆ เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้อย่างยั่งยืน
ปัจจุบัน ธนพิริยะมีสาขาจำนวนทั้งหมด 43 สาขา แบ่งเป็น จ.เชียงราย 33 สาขา จ.เชียงใหม่ 4 สาขา และ จ.พะเยา 6 สาขา ซึ่งบริษัทฯ มีพาร์ทเนอร์ร่วมค้ากว่า 400 ราย สนับสนุนให้ ธนพิริยะมีสินค้าอุปโภคบริโภคจำหน่ายครอบคลุมกว่า 15,000 รายการ ประกอบกับการมีลูกค้าเข้ามาเป็นสมาชิกแล้วกว่า 160,000 ราย
โดยภายในสิ้นเดือนกันยายน ธนพิริยะเตรียมเปิดสาขาที่ 44 และ เปิดเพิ่มเติมอีก 2 สาขา ในสิ้นปี 2566 ที่ จ.เชียงราย โดยเป็นสาขาที่มีขนาด 1,000 ตารางเมตร และ 300 ตารางเมตร ซึ่งสาขา 1,000 ตารางเมตร จะอยู่ในทำเลใกล้แหล่งท่องเที่ยว คาดจะเพิ่มกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวในสาขานี้ได้ อีกทั้งบริษัทฯ ส่งเสริมพลังงานทางเลือก นำร่องเป็นสาขาที่ติดตั้งโซล่าเซลล์ เน้นใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ สร้างความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีแผนที่จะใช้ในสาขาที่มีไซส์ขนาดใหญ่ต่อไป
สำหรับแผนการลงทุนอื่น บริษัทฯ มีแผนขยายช่องทางการขาย สู่ตัวแทนการจัดจำหน่ายสินค้า ที่คาดว่าจะเพิ่มรายได้ให้เติบโตขึ้นอีก 5% อีกทั้งยังมองหาสินค้าใหม่ๆที่จะสร้างไฮมาร์จิ้นให้กับบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่ใช้สำหรับซื้อสินค้าต่าง ๆ ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต เช่น อาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค เครื่องมือทำกิน ฯลฯ ตามร้านค้าในชุมชน เป็นระยะเวลา 6 เดือน ส่งผลดีต่อบริษัทโดยตรง และหากประกาศออกมาชัดเจนบริษัทได้มีแผนรองรับไว้อย่างครบถ้วน เนื่องจากธนพิริยะมีสาขาที่ครอบคลุมภาคเหนือตอนบน ที่กระจายตามแหล่งของชุมชนอย่างทั่วถึง ด้วยสินค้าที่ครอบคลุมตอบโจทย์ผู้บริโภค จะทำให้ลูกค้าสะดวกสบายในการเข้ามาใช้เงินดิจิทัลในทุกสาขา
ด้านการท่องเที่ยวเริ่มกลับมาชัดเจน ทั้งจากนักท่องเที่ยวชาวไทย และต่างประเทศ อีกทั้งนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่เตรียมเปิดฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวชาวจีน คาดจะทำให้ยอดขายจากกลุ่มนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
เภสัชกรหญิงอมร กล่าวปิดท้ายว่า “ธนพิริยะ เรายังเดินหน้าการเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้ ตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15-20% อีกทั้งแผนในระยะยาว เรายังมีการเปิดสาขาอย่างต่อเนื่อง ในทำเลที่มีโอกาส โดยแผนในอีก 3 ปีจากนี้ เราจะขยายไปยังจังหวัดอื่น ๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจาก 3 จังหวัดในปัจจุบัน สะท้อนการเป็นยักษ์ใหญ่ค้าปลีกในภาคเหนือตอนบน ที่มีการเติบโตต่อเนื่องในทุกปี และให้ผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้นของเรา”
เภสัชกรหญิงอมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในจังหวัดเชียงราย เผยทิศทางครึ่งปีหลังมี แนวโน้มการเติบโตเป็นไปตามแผน แม้สภาวะตลาดจะอยู่ท่ามกลางการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง แต่ธนพิริยะ ยังสามารถบริหารจัดการได้ดี มีการเปิดสาขาต่อเนื่อง เพื่อรองรับคำสั่งซื้อของผู้บริโภคในพื้นที่ต่าง ๆ พร้อมกับจัดกิจกรรมโปรโมชั่น และไม่หยุดนิ่งที่จะเพิ่มช่องทางการขายอื่นๆ เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้อย่างยั่งยืน
ปัจจุบัน ธนพิริยะมีสาขาจำนวนทั้งหมด 43 สาขา แบ่งเป็น จ.เชียงราย 33 สาขา จ.เชียงใหม่ 4 สาขา และ จ.พะเยา 6 สาขา ซึ่งบริษัทฯ มีพาร์ทเนอร์ร่วมค้ากว่า 400 ราย สนับสนุนให้ ธนพิริยะมีสินค้าอุปโภคบริโภคจำหน่ายครอบคลุมกว่า 15,000 รายการ ประกอบกับการมีลูกค้าเข้ามาเป็นสมาชิกแล้วกว่า 160,000 ราย
โดยภายในสิ้นเดือนกันยายน ธนพิริยะเตรียมเปิดสาขาที่ 44 และ เปิดเพิ่มเติมอีก 2 สาขา ในสิ้นปี 2566 ที่ จ.เชียงราย โดยเป็นสาขาที่มีขนาด 1,000 ตารางเมตร และ 300 ตารางเมตร ซึ่งสาขา 1,000 ตารางเมตร จะอยู่ในทำเลใกล้แหล่งท่องเที่ยว คาดจะเพิ่มกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวในสาขานี้ได้ อีกทั้งบริษัทฯ ส่งเสริมพลังงานทางเลือก นำร่องเป็นสาขาที่ติดตั้งโซล่าเซลล์ เน้นใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ สร้างความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีแผนที่จะใช้ในสาขาที่มีไซส์ขนาดใหญ่ต่อไป
สำหรับแผนการลงทุนอื่น บริษัทฯ มีแผนขยายช่องทางการขาย สู่ตัวแทนการจัดจำหน่ายสินค้า ที่คาดว่าจะเพิ่มรายได้ให้เติบโตขึ้นอีก 5% อีกทั้งยังมองหาสินค้าใหม่ๆที่จะสร้างไฮมาร์จิ้นให้กับบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่ใช้สำหรับซื้อสินค้าต่าง ๆ ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต เช่น อาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค เครื่องมือทำกิน ฯลฯ ตามร้านค้าในชุมชน เป็นระยะเวลา 6 เดือน ส่งผลดีต่อบริษัทโดยตรง และหากประกาศออกมาชัดเจนบริษัทได้มีแผนรองรับไว้อย่างครบถ้วน เนื่องจากธนพิริยะมีสาขาที่ครอบคลุมภาคเหนือตอนบน ที่กระจายตามแหล่งของชุมชนอย่างทั่วถึง ด้วยสินค้าที่ครอบคลุมตอบโจทย์ผู้บริโภค จะทำให้ลูกค้าสะดวกสบายในการเข้ามาใช้เงินดิจิทัลในทุกสาขา
ด้านการท่องเที่ยวเริ่มกลับมาชัดเจน ทั้งจากนักท่องเที่ยวชาวไทย และต่างประเทศ อีกทั้งนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่เตรียมเปิดฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวชาวจีน คาดจะทำให้ยอดขายจากกลุ่มนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
เภสัชกรหญิงอมร กล่าวปิดท้ายว่า “ธนพิริยะ เรายังเดินหน้าการเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้ ตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15-20% อีกทั้งแผนในระยะยาว เรายังมีการเปิดสาขาอย่างต่อเนื่อง ในทำเลที่มีโอกาส โดยแผนในอีก 3 ปีจากนี้ เราจะขยายไปยังจังหวัดอื่น ๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจาก 3 จังหวัดในปัจจุบัน สะท้อนการเป็นยักษ์ใหญ่ค้าปลีกในภาคเหนือตอนบน ที่มีการเติบโตต่อเนื่องในทุกปี และให้ผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้นของเรา”