Wealth Sharing

HEALTH UPผุดสมาร์ทแวร์เฮ้าส์ครบวงจร นำหุ่นยนต์ใช้บริหารจัดการเพิ่มความแม่นยำ-รวดเร็ว


10 กุมภาพันธ์ 2566
เฮลท์อัพ กรุ๊ป  บริษัทฯในกลุ่มเฮลท์ เอ็มไพร์ รุกสร้างคลังสินค้าอัจฉริยะครบวงจรและใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนพื้นที่กว่า 6 ไร่ครึ่ง โดยจ้างบริษัทเอช เทค วางระบบ ด้วยการนำหุ่นยนต์มาใช้จัดการในคลังสินค้า ระบุจะทำให้ลดการใช้คนทำงานถึง 70% ทำให้ลดค่าใช้จ่ายลงได้ รวมทั้งเพิ่มความรวดเร็วและแม่นยำ พร้อมเปิดให้บริการปลายปี 2566  
HEALTH UP ผุดสมาร์ทแวร์.jpg
เภสัชกรวัชระ เปล่งสุรีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเฮลท์ อัพ กรุ๊ป จำกัด (HEALTH UP  ) ซึ่งประกอบธุรกิจยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ทั้งขายปลีกและขายส่งทั่วประเทศ ที่มีบริษัทร่วมทุน บมจ.เฮลท์ เอ็มไพร์ คอร์ปอเรชั่น หรือ HEMP เปิดเผยว่า บริษัทได้เซ็นสัญญาจ้างบริษัท เอช เทค เทคโนโลยี จำกัด เป็นผู้รับเหมาวางระบบเทคโนโลยี และการนำหุ่นยนต์มาให้ในคลังสินค้าอัจฉริยะแห่งใหม่ หรือ สมาร์ทแวร์เฮ้าส์ บนพื้นที่กว่า 6 ไร่ครึ่ง

“สมาร์ทแวร์เฮ้าส์  เป็นการนำเทคโนโลยี และเครื่องจักรมาผสมผลาน มาใช้ในคลังสินค้า แทนแรงงานคน  เพื่อรองรับอนาคตข้างหน้า การใช้คนมาทำงานจะทำให้เกิดความผิดพลาดสูง  สิ่งสำคัญคือการนำซอฟท์แวร์มาควบคุมการทำงานของหุ่นยนต์มีความแม่นยำสูง  คลังสินค้าปัจจุบันที่มีอยู่เราใช้คนในการทำงาน แต่คลังใหม่นี้ มีการนำหุ่นยนต์มาใช้คาดว่าจะช่วยลดคนทำงานลงได้ราว 70%  ซึ่งสอดรับการที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน  และแรงงานหายากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งค่าแรงที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นด้วย”เภสัชกรวัชระกล่าว

โดยข้อดีของการใช้หุ่นยนต์ทำงานคือ สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด เมื่อแบตเตอรี่หมดก็สามารถไปชาร์จไฟฟ้าแล้วทำงานได้ต่อเนื่อง แต่การใช้แรงงานคนต้องทำงานเป็นกะ  และการนำเทคโนโลยีมาใช้ในคลังยายังช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ในช่วงแรกจะนำหุ่นยนต์มาใช้กับคลังสินค้าไม่ต่ำกว่า 10 ตัว และได้เตรียมความพร้อมรองรับการใช้หุ่นยนต์ถึง 50 ตัว 

ส่วนกรณีที่จ้างบริษัทเอช เทค เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ด้านสมาร์ทแวร์เฮ้าท์ทั้งภาครัฐและเอกขน ส่วนมูลค่าโครงการสร้างสมาร์ทแวร์เฮ้าส์  ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 500 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้างแล้วเสร็จ 1 ปีครึ่ง คาดแล้วเสร็จและเปิดให้บริการปลายปี 2566   โดยคลังยาแห่งใหม่ตั้งอยู่ถนนกิ่งแก้ว และใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นทำเลที่การเดินทางและการขนส่งสินค้ามีความสะดวก

“การลงทุนก้อนโต 500 ล้านเพื่อสร้างคลังสินค้า เรามองไปในอนาคตข้างหน้า เพื่อแก้ปัญหาเรื่องขาดแคลนแรงงาน และค่าแรงที่เพิ่มขึ้น และรองรับธุรกิจที่เติบโตเร็ว เนื่องจากเราไม่ได้มองแค่ขายยาของเฮลท์อัพ เท่านั้น  แต่มองไปถึงธุรกิจสุขภาพทั่วประเทศ ดังนั้นสินค้าในคลังสินค้าต้องเก็บให้อยู่ในสภาวะที่ดีที่สุด ซึ่งคลังสินค้าเราทำเป็นระบบปิด เป็นระบบควบคุมอุณหภูมิ เปิดแอร์ตลอดเวลา เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าที่อยู่ในคลังสินค้าเฮลท์ อัพ เป็นสินค้าที่มีคุณภาพก่อนส่งถึงมือลูกค้า ซึ่งคลังยาอัฉริยะ ของ เฮลท์อัพ เป็นคลังยาที่ใหญ่ที่สุด ครบวงจรสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “เภสัชกรวัชระกล่าว

ปัจจุบันธุรกิจร้านขายยาของเฮลท์อัพ กรุ๊ป มีกว่า 80 สาขา กระจายอยู่ใน Modern Trade ทั่วประเทศ ส่วนธุรกิจขายส่งยา-เวชภัณฑ์-อุปกรณ์การแพทย์ มีลูกค้าที่เป็นร้านขายยาทั้งขนาดเล็ก-ขนาดใหญ่กว่า 4,000ร้านค้า  โดยบริษัทฯ มองว่า คลังยาใหม่นี้จะรองรับ การเติบโตของบริษัทฯในเครือที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้าได้อย่างน้อย 10 ปีขึ้นไป

นายเจิ้น เจ๋อ จง  กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอช เทค เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่าบริษัททำธุรกิจคลังสินค้าอัจฉริยะ และโลจิสติกส์ ออโตเมชั่นในประเทศไทย โดยมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย และมีความเสถียร ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ  ลูกค้าที่ใช้บริการมีทั้งคลังสินค้าขนาดใหญ่และธุรกิจโลจิสติกส์   ซึ่งทางบริษัทมีประสบการณ์และทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ ที่มีความพร้อมให้บริการลูกค้าได้ตลอดเวลา