กระดานข่าว
OSP ประกาศมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน เสวนาต่อยอดความร่วมมือ ‘รัฐ-เอกชน’
22 กันยายน 2566
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change ซึ่งกำลังส่งผลกระทบต่อโลกในวงกว้างหลากหลายมิติ อาทิ ภาวะโลกร้อนจากอุณหภูมิโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้นานาประเทศหาแนวทางการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อกอบกู้และรักษาโลก โดยร่วมกันกำหนดให้มีเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 เป้าหมาย (Sustainable Development Goals: SDGs) รวมถึงการทำความตกลงปารีส หรือ Paris Agreement ตั้งเป้าหมายจำกัดการเพิ่มอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในศตวรรษนี้ให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส ในขณะที่ประเทศไทยได้มีการประกาศเป้าหมายสำคัญในความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี พ.ศ. 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี พ.ศ. 2608 จากการประชุม COP26 โดยหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อร่วมผลักดันให้เป้าหมายดังกล่าวบรรลุผลตามที่ตั้งไว้

บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ในฐานะหนึ่งในผู้นำธุรกิจกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคของไทยที่ดำเนินการธุรกิจมากว่า 132 ปี ได้ตระหนักถึงประเด็นดังกล่าวและเดินหน้าวางกรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืนควบคู่กับแผนงานทางธุรกิจ พร้อมสร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชนเดินหน้าภารกิจรักษ์โลก กระตุ้นให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและโลก จัดเวทีเสวนาในหัวข้อ “Sustainability Dialogue: Mission to Carbon Neutral” โดยได้รวมพลังกับหน่วยงานภาครัฐ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ตลอดจนองค์กรมหาชน เพื่อแบ่งปันข้อมูลและความร่วมมือ รวมถึงทิศทางนโยบายด้านความยั่งยืนจากภาครัฐ นำไปสู่โอกาสในการสร้างเครือข่ายธุรกิจ สานเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยภาพรวมให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
นางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “โอสถสภาได้วางแผนพัฒนาอย่างยั่งยืนควบคู่กับการขับเคลื่อนธุรกิจมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 โดยกำหนดกรอบการดำเนินงานระยะสั้นภายในปี พ.ศ. 2568 ใน 5 ด้าน ได้แก่
(1) ห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน คือการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจกับคู่ค้ารายย่อย จำนวน 450 ราย การพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรผู้จัดหาวัตถุดิบท้องถิ่น 500 ราย และ 100% ของคู่ค้ารายสำคัญได้รับการประเมินครอบคลุม 3 ด้าน คือสิ่งแวดล้อม (Environment), สังคม (Social) และ ธรรมาภิบาล (Governance) หรือ ESG
(2) ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้บริโภค คือ 100% ของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มจะมีส่วนประกอบของน้ำตาลลดน้อยลง และ 50% ของกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและลูกอมจะเป็นสูตรปราศจากน้ำตาล
(3) ด้านการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนและการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดย 100% ของบรรจุภัณฑ์จะต้องนำไปรีไซเคิล ใช้ซ้ำหรือย่อยสลายได้ภายในปี พ.ศ. 2573
(4) ด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ โดยจะลดปริมาณการใช้น้ำในกระบวนการผลิตลดลง 40%
(5) ด้านการจัดการพลังงานและการบริหารการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยจะลดปริมาณพลังงานที่ใช้ในโรงงาน 10% และลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิต 15% พร้อมตั้งเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง 30% ภายในปี พ.ศ. 2573 สานเป้าหมายระยะยาวมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนหรือ Carbon Neutrality ภายในปี พ.ศ. 2593
งานเสวนาในวันนี้คือการรวมพลังหน่วยงานภาครัฐ เอกชน มาร่วมแบ่งปันมุมมองและทิศทางนโยบายด้านความยั่งยืน ถ่ายทอดโรดแมปความยั่งยืน ตลอดจนเป้าหมายสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality และต่อยอดสู่การสร้างความร่วมมือเครือข่ายธุรกิจ เพื่อให้พันธกิจรักษ์โลกบรรลุได้ตามเป้าที่วางไว้”
“การพัฒนาที่ยั่งยืน ถือเป็นหนึ่งในนโยบายของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยครอบคลุม 3 ด้าน คือสิ่งแวดล้อม (Environment), สังคม (Social) และ ธรรมาภิบาล (Governance) หรือ ESG ซึ่งภาพใหญ่ของการพัฒนาอย่างยั่งยืนของหลายองค์กร คือความมุ่งมั่นและตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตและบริโภค รวมถึงการอนุรักษ์และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โอสถสภาเชื่อว่าด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนและแผนการดำเนินงานครอบคลุมทั้ง 3 ด้านโดยมีพนักงานเป็นพลังในการขับเคลื่อนอย่างเต็มที่ จะทำให้โอสถสภาสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้” คุณวรรณิภา กล่าวสรุป

บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ในฐานะหนึ่งในผู้นำธุรกิจกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคของไทยที่ดำเนินการธุรกิจมากว่า 132 ปี ได้ตระหนักถึงประเด็นดังกล่าวและเดินหน้าวางกรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืนควบคู่กับแผนงานทางธุรกิจ พร้อมสร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชนเดินหน้าภารกิจรักษ์โลก กระตุ้นให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและโลก จัดเวทีเสวนาในหัวข้อ “Sustainability Dialogue: Mission to Carbon Neutral” โดยได้รวมพลังกับหน่วยงานภาครัฐ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ตลอดจนองค์กรมหาชน เพื่อแบ่งปันข้อมูลและความร่วมมือ รวมถึงทิศทางนโยบายด้านความยั่งยืนจากภาครัฐ นำไปสู่โอกาสในการสร้างเครือข่ายธุรกิจ สานเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยภาพรวมให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
นางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “โอสถสภาได้วางแผนพัฒนาอย่างยั่งยืนควบคู่กับการขับเคลื่อนธุรกิจมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 โดยกำหนดกรอบการดำเนินงานระยะสั้นภายในปี พ.ศ. 2568 ใน 5 ด้าน ได้แก่
(1) ห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน คือการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจกับคู่ค้ารายย่อย จำนวน 450 ราย การพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรผู้จัดหาวัตถุดิบท้องถิ่น 500 ราย และ 100% ของคู่ค้ารายสำคัญได้รับการประเมินครอบคลุม 3 ด้าน คือสิ่งแวดล้อม (Environment), สังคม (Social) และ ธรรมาภิบาล (Governance) หรือ ESG
(2) ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้บริโภค คือ 100% ของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มจะมีส่วนประกอบของน้ำตาลลดน้อยลง และ 50% ของกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและลูกอมจะเป็นสูตรปราศจากน้ำตาล
(3) ด้านการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนและการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดย 100% ของบรรจุภัณฑ์จะต้องนำไปรีไซเคิล ใช้ซ้ำหรือย่อยสลายได้ภายในปี พ.ศ. 2573
(4) ด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ โดยจะลดปริมาณการใช้น้ำในกระบวนการผลิตลดลง 40%
(5) ด้านการจัดการพลังงานและการบริหารการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยจะลดปริมาณพลังงานที่ใช้ในโรงงาน 10% และลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิต 15% พร้อมตั้งเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง 30% ภายในปี พ.ศ. 2573 สานเป้าหมายระยะยาวมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนหรือ Carbon Neutrality ภายในปี พ.ศ. 2593
งานเสวนาในวันนี้คือการรวมพลังหน่วยงานภาครัฐ เอกชน มาร่วมแบ่งปันมุมมองและทิศทางนโยบายด้านความยั่งยืน ถ่ายทอดโรดแมปความยั่งยืน ตลอดจนเป้าหมายสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality และต่อยอดสู่การสร้างความร่วมมือเครือข่ายธุรกิจ เพื่อให้พันธกิจรักษ์โลกบรรลุได้ตามเป้าที่วางไว้”
“การพัฒนาที่ยั่งยืน ถือเป็นหนึ่งในนโยบายของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยครอบคลุม 3 ด้าน คือสิ่งแวดล้อม (Environment), สังคม (Social) และ ธรรมาภิบาล (Governance) หรือ ESG ซึ่งภาพใหญ่ของการพัฒนาอย่างยั่งยืนของหลายองค์กร คือความมุ่งมั่นและตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตและบริโภค รวมถึงการอนุรักษ์และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โอสถสภาเชื่อว่าด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนและแผนการดำเนินงานครอบคลุมทั้ง 3 ด้านโดยมีพนักงานเป็นพลังในการขับเคลื่อนอย่างเต็มที่ จะทำให้โอสถสภาสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้” คุณวรรณิภา กล่าวสรุป
ยอดนิยม

VIH ซื้อหุ้นคืน 26.66 ล้านหุ้น ใช้เงินสดส่วนเกิน ยืนยันไม่เกี่ยวเงินเพิ่มทุน สาเหตุราคาหุ้นไม่สะท้อนปัจจัยพื้นฐาน ตั้งเป้าทำนิวไฮใหม่ปีนี้

13 มีนาคมนี้!!! ผู้ถือหุ้น MC รับเงินปันผลบานฉ่ำ !!!
.jpg)
“นิปปอนเพนต์” ก้าวล้ำวงการสีด้วยพลัง AI! ส่งสุดยอดแพ็กคู่โซลูชัน “น้องนิปปอน” และ “Colour Design”

เบเยอร์ เขย่าวงการธุรกิจสีทาอาคาร สำเร็จเจ้าแรก! ใช้เทคโนโลยีล้ำ AI OCR อ่านบิลเขียนมือได้ รันแคมเปญใหญ่ "ลดเดือดรับ Summer แจกไม่ยั้ง!"
