จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : ธุรกิจ “ผลิตโปรตีนจากพืช-แปรรูปพลังงานสะอาด” หนุนผลงาน NRF ปี 66 เติบโตยั่งยืน
27 กันยายน 2566
ธุรกิจ บมจ.เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ (NRF) หรือผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารโปรตีนจากพืช นับเป็นธุรกิจที่กำลังได้รับความนิยมจากกลุ่มที่เน้นดูแลสุขภาพ ส่งผลดีต่อยอดขาย ขณะที่เศษวัสดุเหลือใช้จากการผลิตอาหารสามารถนำมาผลิตพลังงานทดแทน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้บริษัท หนุนผลประกอบการเติบโตแข็งแกร่ง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เชื่อว่า ตลาดโปรตีนทางเลือกยังเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยปี 2565 ตลาดโปรตีนทางเลือกในไทยจะมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 4,100 ล้านบาท หรือขยายตัว 5.1% แม้จะชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อน แต่เนื่องจากกระแสรักสุขภาพ รวมถึงการตื่นตัวในเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนทางธรรมชาติ ยังเป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ผู้บริโภคกินเนื้อสัตว์น้อยลง และหันมาบริโภคมังสวิรัติและวีแกนกันมากขึ้น
ซึ่งสอดคล้องกับการทำธุรกิจของ บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ (NRF) ในฐานะผู้ผลิต จัดหา และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปรุงรสอาหาร อาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงสำหรับประกอบอาหาร อาหารมังสวิรัตที่ไม่มีส่วนผสมของไข่และนม อาหารโปรตีนจากพืช และเครื่องดื่มสำเร็จรูปชนิดผงและน้ำ
นอกจากการผลิตโปรตีนจากพืช บริษัทยังมีการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวกับพลังงานทดแทน ได้แก่ บริษัท Frontline Bioenergy ซึ่งการผลิตพลังงานหมุนเวียนกำลังเป็นกระแสที่มาแรงของโลก ทำให้บริษัทได้รับความสนใจที่จะเข้ามาร่วมลงทุนของต่างชาติ และล่าสุด บริษัท ซัทเทิร์น แคลิฟอร์เนีย แก๊ส จำกัด (SoCalGas) ทุ่มงบสนับสนุนกว่า 13 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 450 ล้านบาท ยื่นคำขอต่อคณะกรรมการสาธารณูปโภคของรัฐแคลิฟอร์เนีย (CPUC) ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมพัฒนาในโครงการของบริษัท ซาน วาคีน รีนิวเอเบิล จำกัด (SJR) ซึ่งกำลังพัฒนาโดย Frontline Bioenergy โดยมี NRF เป็นผู้ลงทุนกับโครงการ
โดยโครงการ SJR จะใช้เทคโนโลยีระดับชั้นนำของโลกที่ได้ Frontline Bioenergy เป็นผู้ริเริ่มในการแปรรูปเปลือกถั่ว และเศษวัสดุเหลือใช้จากการเก็บเกี่ยวหรือจากการแปรรูปสินค้าทางการเกษตร ที่สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงที่ผลิตได้จากกระบวนการย่อยสลายสารอินทรีย์ (ไบโอมีเทน) ซึ่งยังได้รับการจดสิทธิบัตรสำหรับการใช้งานทั่วไป รวมถึงการใช้ในยวดยานพาหนะ
และหากคำขอได้รับการอนุมัติ โครงการนี้จะเป็นโครงการที่เกี่ยวกับก๊าซชีวมวล (Biomass) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยจะมีกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนสูงสุดถึง 4.5 พันล้านลูกบาศก์ฟุตต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้รถยนต์สันดาปกว่า 52,000 คัน หรือเทียบเท่ากับเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรกว่า 400,000 ถึง 500,000 ตัน ทั้งนี้โครงการ SJR ยังช่วยลดมลพิษทางอากาศ และยกระดับสุขภาพของประชาชนโดยการนำเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรที่กำจัดไม่หมดในพื้นที่ มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
“แดน ปฐมวาณิชย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NRF ระบุว่า SoCalGas ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพในเทคโนโลยีของ Frontline ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และเข้าไปเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงจากการใช้ก๊าซธรรมชาติ ไปเป็นการใช้ก๊าซพลังงานหมุนเวียนที่มีค่าคาร์บอนเป็นกลาง อีกทั้งยังมีส่วนช่วยลดผลกระทบที่ส่งผลต่อสุขภาพ ความปลอดภัย ตลอดจนความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน
นายนีล เนวิน ประธานเจ้าหน้าที่ด้านพลังงานสะอาด บริษัท ซัทเทิร์น แคลิฟอร์เนีย แก๊ส จำกัด หรือ SoCalGas กล่าวว่า การใช้ก๊าซหมุนเวียนเป็นแนวทางที่สำคัญ ในการลดคาร์บอน เช่นเดียวกับ การใช้พลังงานไฟฟ้า ไฮโดรเจน ตลอดจนการจัดการคาร์บอน อีกทั้งโครงการนี้ มีกำลังการผลิตต่อปีเพียงพอเทียบเท่ากับการผลิตพลังงานให้กับรัฐฮาวายทั้งรัฐ โดยใช้ประโยชน์จากการเผาขยะการเกษตร ให้เป็นก๊าซทดแทน เพื่อตอกย้ำความยั่งยืน และความยืดหยุ่นด้านพลังงาน ให้สอดรับกับวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่การยกระดับให้เป็นเศรษฐกิจพลังงานที่สะอาด
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เชื่อว่า ตลาดโปรตีนทางเลือกยังเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยปี 2565 ตลาดโปรตีนทางเลือกในไทยจะมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 4,100 ล้านบาท หรือขยายตัว 5.1% แม้จะชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อน แต่เนื่องจากกระแสรักสุขภาพ รวมถึงการตื่นตัวในเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนทางธรรมชาติ ยังเป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ผู้บริโภคกินเนื้อสัตว์น้อยลง และหันมาบริโภคมังสวิรัติและวีแกนกันมากขึ้น
ซึ่งสอดคล้องกับการทำธุรกิจของ บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ (NRF) ในฐานะผู้ผลิต จัดหา และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปรุงรสอาหาร อาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงสำหรับประกอบอาหาร อาหารมังสวิรัตที่ไม่มีส่วนผสมของไข่และนม อาหารโปรตีนจากพืช และเครื่องดื่มสำเร็จรูปชนิดผงและน้ำ
นอกจากการผลิตโปรตีนจากพืช บริษัทยังมีการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวกับพลังงานทดแทน ได้แก่ บริษัท Frontline Bioenergy ซึ่งการผลิตพลังงานหมุนเวียนกำลังเป็นกระแสที่มาแรงของโลก ทำให้บริษัทได้รับความสนใจที่จะเข้ามาร่วมลงทุนของต่างชาติ และล่าสุด บริษัท ซัทเทิร์น แคลิฟอร์เนีย แก๊ส จำกัด (SoCalGas) ทุ่มงบสนับสนุนกว่า 13 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 450 ล้านบาท ยื่นคำขอต่อคณะกรรมการสาธารณูปโภคของรัฐแคลิฟอร์เนีย (CPUC) ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมพัฒนาในโครงการของบริษัท ซาน วาคีน รีนิวเอเบิล จำกัด (SJR) ซึ่งกำลังพัฒนาโดย Frontline Bioenergy โดยมี NRF เป็นผู้ลงทุนกับโครงการ
โดยโครงการ SJR จะใช้เทคโนโลยีระดับชั้นนำของโลกที่ได้ Frontline Bioenergy เป็นผู้ริเริ่มในการแปรรูปเปลือกถั่ว และเศษวัสดุเหลือใช้จากการเก็บเกี่ยวหรือจากการแปรรูปสินค้าทางการเกษตร ที่สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงที่ผลิตได้จากกระบวนการย่อยสลายสารอินทรีย์ (ไบโอมีเทน) ซึ่งยังได้รับการจดสิทธิบัตรสำหรับการใช้งานทั่วไป รวมถึงการใช้ในยวดยานพาหนะ
และหากคำขอได้รับการอนุมัติ โครงการนี้จะเป็นโครงการที่เกี่ยวกับก๊าซชีวมวล (Biomass) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยจะมีกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนสูงสุดถึง 4.5 พันล้านลูกบาศก์ฟุตต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้รถยนต์สันดาปกว่า 52,000 คัน หรือเทียบเท่ากับเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรกว่า 400,000 ถึง 500,000 ตัน ทั้งนี้โครงการ SJR ยังช่วยลดมลพิษทางอากาศ และยกระดับสุขภาพของประชาชนโดยการนำเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรที่กำจัดไม่หมดในพื้นที่ มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
“แดน ปฐมวาณิชย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NRF ระบุว่า SoCalGas ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพในเทคโนโลยีของ Frontline ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และเข้าไปเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงจากการใช้ก๊าซธรรมชาติ ไปเป็นการใช้ก๊าซพลังงานหมุนเวียนที่มีค่าคาร์บอนเป็นกลาง อีกทั้งยังมีส่วนช่วยลดผลกระทบที่ส่งผลต่อสุขภาพ ความปลอดภัย ตลอดจนความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน
นายนีล เนวิน ประธานเจ้าหน้าที่ด้านพลังงานสะอาด บริษัท ซัทเทิร์น แคลิฟอร์เนีย แก๊ส จำกัด หรือ SoCalGas กล่าวว่า การใช้ก๊าซหมุนเวียนเป็นแนวทางที่สำคัญ ในการลดคาร์บอน เช่นเดียวกับ การใช้พลังงานไฟฟ้า ไฮโดรเจน ตลอดจนการจัดการคาร์บอน อีกทั้งโครงการนี้ มีกำลังการผลิตต่อปีเพียงพอเทียบเท่ากับการผลิตพลังงานให้กับรัฐฮาวายทั้งรัฐ โดยใช้ประโยชน์จากการเผาขยะการเกษตร ให้เป็นก๊าซทดแทน เพื่อตอกย้ำความยั่งยืน และความยืดหยุ่นด้านพลังงาน ให้สอดรับกับวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่การยกระดับให้เป็นเศรษฐกิจพลังงานที่สะอาด