จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : “โซลาร์รูฟ” แนวทางรับมือค่าไฟฟ้าพุ่ง WP ตั้งเป้าปี66 กำลังการผลิตทะลุ 30 MW


10 กุมภาพันธ์ 2566
ค่าไฟฟ้าที่ปรับเพิ่มขึ้น นับเป็นต้นทุนที่สูงอันดับต้นๆของภาคธุรกิจ  ซึ่งแนวทางการติดตั้งพลังงานสะอาดจึงเป็นเทรนด์ที่ได้รับความสนใจมาก  สอดคล้องกับแนวคิดในการต่อยอดธุรกิจของ บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) ที่ขยายไปยังตลาดติดตั้ง และดูแลอุปกรณ์โซลาร์ รูฟท็อป  ตั้งเป้าปี66 มีกำลังการผลิตอย่างน้อย 30 เมกะวัตต์

รายงานพิเศษ WP 100223.jpg

ต้นทุนค่าพลังงานไฟฟ้า เป็นต้นทุนที่มีกระทบต่อราคาสินค้า และจะส่งผลไปถึงการปรับขึ้นราคาสินค้าและกำลังซื้อของประชาชน  “วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา” รองประธานกรรมการหอการค้าไทย นายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย และนายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป ยอมรับว่า อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม ที่มีการใช้ไฟฟ้ามาก มีต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ปรับเพิ่มขึ้น 15-25% จากกรณีที่รัฐบาลประกาศปรับขึ้นค่าเอฟที ดังนั้น ผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาสินค้าอีก 9-12% เพื่อบรรเทาภาระความเดือดร้อน สำหรับสินค้าที่คาดว่าอาจจะต้องมีการปรับขึ้นราคา ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุตสาหกรรม อาหารที่ใช้ความเย็นในการผลิตหรือเก็บรักษา 

ทั้งนี้ สมาคมคาดว่าอัตราค่าไฟฟ้าของไทยมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นอีกในปี 2566 ตามทิศทางต้นทุนก๊าซธรรมชาติ โดยทั้งปีเฉลี่ยค่าไฟฟ้า คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.9 บาท/หน่วย เนื่องจากไทยต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวจาก ต่างประเทศ (แอลเอ็นจี) ซึ่งมีต้นทุนสูง ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น เป็น 41% ในปี 2566 จาก 39% ในปี 2565

ซึ่งภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือ และแก้ปัญหาค่าไฟแพงแบบเร่งด่วน  โดยขอให้ภาครัฐช่วยตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่ 4.72 บาท/หน่วย และชะลอการ ปรับขึ้นค่าเอฟที เดือน ม.ค.-เม.ย. 2566 ไว้ก่อน รวมทั้ง ปลดล็อกการขอใบ รง.4 เพื่อให้ติดตั้งโซลาร์เซลล์ ในโรงงานอุตสาหกรรมได้เร็วขึ้น และสนับสนุนให้เอกชน ลงทุนผลิตไฟฟ้าใช้เองจากพลังงานสะอาด โดยลดภาษี นำเข้าอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับโซลาร์เซลล์ และสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำในการลงทุนเพื่อแก้ปัญหาค่าไฟแพง

แนวทางการพึ่งพาการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับแนวคิดของผู้บริหารบมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP)  โดย “ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รับว่าธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป เป็นหนึ่งในธุรกิจที่บริษัทได้วางรากฐานสนับสนุนแนวคิดเรื่องพลังงานสะอาด สอดคล้องกับการพยายามเพิ่มความหลากหลายให้กับพอร์ตโฟลิโอ ทั้งเพื่อกระจายความเสี่ยง สร้างช่องทางรายได้ใหม่ ๆ เป็นการต่อยอดธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต

ปัจจุบัน บริษัทได้ลงนามในสัญญา PPA 15 โครงการให้กับลูกค้าในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ รวมกำลังการผลิตกว่า 10 เมกะวัตต์ โดยตั้งเป้ากำลังการผลิตรวมอย่างน้อย 30 เมกะวัตต์ภายในปีนี้ และมีเป้าหมายที่จะขยายให้ถึง 100 เมกะวัตต์ภายในปี 2568  โดยเน้นที่กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมที่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามหาศาล เพื่อช่วยลดความจำเป็นในการใช้พลังงานฟอสซิล รวมถึงสถานศึกษา วัด โรงพยาบาล ฯลฯ เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะทำธุรกิจเพื่อผลดีต่อสาธารณประโยชน์อย่างต่อเนื่อง

ซึ่งบริษัทได้นำร่องในการทำธุรกิจพลังงานสะอาด  โดยบริษัทได้รับงานจากกลุ่มโรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อติดตั้งและดูแลอุปกรณ์โซลาร์ รูฟท็อปขนาด 250 กิโลวัตต์ที่โรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล หนองแขม เป็นสาขานำร่อง เพื่อเป็นต้นแบบให้กับสาขาอื่น ๆ ต่อไป 
          
"การสร้างความร่วมมือกับกลุ่มโรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล  นับเป็นก้าวใหม่ที่สำคัญสำหรับดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ ที่จะขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มสุขภาพและสาธารณสุข โดยในเฟสแรกจะเป็นความร่วมมือในการติดตั้ง และดูแลอุปกรณ์โซลาร์ รูฟท็อปขนาด 250 กิโลวัตต์ที่ และอยู่ในระหว่างการพูดคุยเพื่อขยายความร่วมมือไปสู่โรงพยาบาลในเครืออีก 3 แห่ง รวมเป็น 1 เมกะวัตต์ในอนาคต คาดว่าในปีแรกของการติดตั้งจะช่วยกลุ่มโรงพยาบาลวิชัยเวชลดการใช้พลังงานได้มากกว่าปกติ 20% พร้อมช่วยลดค่าไฟฟ้ากว่า 30%" 
          
พญ.สุนีย์ ธีรการุณวงค์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนลหนองแขม กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า "กลุ่มโรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล มุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจเพื่อสนับสนุนการสร้างสังคมที่เข้มแข็ง โดยมุ่งเน้นการสร้างสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีควบคู่ไปกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่การพัฒนาในด้านต่าง ๆ อย่างยั่งยืน" 
         
 "ความร่วมมือในการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งแผนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มโรงพยาบาลวิชัยเวช  อินเตอร์เนชั่นแนล ที่มุ่งเห็นประโยชน์ในการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานทดแทน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยประหยัดพลังงาน ลดการก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศที่อาจเกิดขึ้นจากการผลิตไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ที่ต้องการเพิ่มการใช้พลังงานสะอาด และเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานให้กับประเทศในระยะยาว"