Wealth Sharing

ยอดจองหุ้นกู้ Thai AirAsia เกินเป้า ขายได้เต็มวงเงิน 1,200 ลบ.


29 กันยายน 2566
BlueBell ประกาศความสำเร็จในการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ Thai AirAsia (TAA) ที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้ลงทุนรายใหญ่ และสามารถขายได้เต็มจำนวนมูลค่าการเสนอขาย 1,200 ล้านบาท ภายในเวลาอันรวดเร็ว 
ยอดจองหุ้นกู้ Thai AirAsia เกินเป้า.jpg
นางสาวนริสรา ชัยวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด (BlueBell) เปิดเผยว่า รู้สึกยินดีและขอบคุณนักลงทุนเป็นอย่างยิ่งที่ให้ความไว้วางใจ BlueBell และจองซื้อหุ้นกู้ TAA (หุ้นกู้มีประกันของบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด ครั้งที่ 2/2566 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2569 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน) อย่างท่วมท้นจนสามารถปิดการขายหุ้นกู้ได้เต็ม 1,000 ล้านบาทภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว จนต้องเปิดใช้วงเงินหุ้นกู้สำรองอีก 200 ล้านบาท รวมมูลค่าเสนอขาย 1,200 ล้านบาท สะท้อนภาพชัดเจนว่านักลงทุนกลับมามีความเชื่อมั่น และตลาดหุ้นกู้ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง  โดยกล่าวว่า BlueBell ให้ความสำคัญในการคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่ดีเสมอมาเพื่อตอบโจทย์นักลงทุน ซึ่ง บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด นับเป็นหนึ่งในบริษัทได้รับผลกระทบเชิงบวกโดยตรงจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทยหลังจากผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว การกลับมาของเส้นทางสายการบินในประเทศและอัตราการเข้าใช้บริการโรงแรมขนาดใหญ่สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยโดยรวมที่ดีขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการที่ออกหุ้นกู้ในภาคธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแข็งแกร่งขึ้นด้วยตามลำดับ 

นางสาวนริสรา กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันนักลงทุนหุ้นกู้มีความรู้ความเข้าใจในการลงทุนมากขึ้น มีโซเชียลมีเดียเป็นสื่อออนไลน์ที่ใช้แลกเปลี่ยนความรู้หรือแนวความคิดในการลงทุนที่สามารถสื่อสารกันได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ทำให้สามารถศึกษาข้อมูลและมองเห็นแนวโน้มการเติบโตของผู้ประกอบการที่ออกหุ้นกู้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นที่น่าดีใจว่าในการเสนอขายหุ้นกู้ TAA ครั้งนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่มองภาพตรงกันว่า ในปีหน้านี้ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด มีโอกาสที่จะฟื้นตัวอย่างก้าวกระโดด สอดคล้องกับข้อมูลจากการประชุม กนง. เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมาซึ่งที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ให้ปรับเพิ่มดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีก 25 bps ไปแตะระดับ 2.50% โดย กนง. มองว่าดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวนี้เหมาะสมกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว สะท้อนว่าดอกเบี้ยที่ 2.50% น่าจะถึงจุดสูงสุดแล้ว ทาง BlueBell จึงมองว่าขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทยอยลงทุนเก็บหุ้นกู้เข้าพอร์ต เนื่องจากที่ผ่านมาเข้าใจว่ามีนักลงทุนบางส่วนที่ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูทิศทางดอกเบี้ยที่ชัดเจน 

ทั้งนี้ BlueBell มีมุมมองต่อตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนของไทยโดยรวมว่านักลงทุนยังคงมีความเชื่อมั่นอยู่ โดยมองว่าเหตุการณ์การผิดนัดชำระหนี้ที่เกิดขึ้นในปีนี้มีส่วนผลักดันให้นักลงทุนปรับพอร์ตหุ้นกู้ด้วยการลดความเสี่ยงลง อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยในกลุ่มหุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ BBB ขึ้นไปก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปอยู่ในระดับที่สูงที่สุดในรอบกว่า 20 ปี นักลงทุนที่มองหาหุ้นกู้ภาคเอกชนจึงเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะสะสมหุ้นกู้ความเสี่ยงต่ำระยะยาวที่กลับมาให้ผลตอบแทนที่ยอมรับได้ แต่หลังจากนี้ เมื่อภาวะดอกเบี้ยส่งสัญญาณคงที่และเริ่มมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลง นักลงทุนจะเริ่มผ่อนคลายความกังวลและกลับมาปรับพอร์ตการลงทุนอีกครั้ง ในฐานะที่ BlueBell เป็นตัวกลางจัดจำหน่ายหุ้นกู้จึงต้องคัดสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพให้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของความต้องการของนักลงทุนให้ทัน โดยยังคงคุณภาพด้านการคัดเลือกทั้งจากมิติด้านความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสาร (Credit Analysis) และ มิติด้านความน่าลงทุนของหุ้นกู้เมื่อเทียบกับหุ้นกู้ตัวอื่นๆ ในตลาด (Market Analysis) ภายใต้หลักบรรษัทภิบาล เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ด้านผลตอบแทนของนักลงทุนได้อย่างยั่งยืนและเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของตลาดทุน พร้อมกับให้คำมั่นว่า ในอนาคต BlueBell จะยังคงเดินหน้าต่อยอดทั้งในด้านการบริการ ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ และการรักษาคุณภาพมาตรฐานที่ดีในการส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่นักลงทุนอย่างแน่นอน

สำหรับท่านที่สนใจต่อยอดเป็นผู้แนะนำการลงทุนไปกับ BlueBell หรือ กำลังมองหาทีมงานผู้แนะนำการลงทุนที่มีประสบการณ์เพื่อขอคำแนะนำด้านการลงทุนในหุ้นกู้และกองทุนรวม สามารถติดต่อได้ที่ โทร 02-249-2999 หรือ www.bluebellgroup.co.th หรือ ช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่ Facebook, LINE Official Account และ YouTube : BlueBellFin