Wealth Sharing
“ขันเงิน” พร้อมขับเคลื่อน “ซาเล็คต้า” ปักธงสู่เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ครบวงจรแนวใหม่
02 ตุลาคม 2566
“ขันเงิน” นำทีมผู้บริหาร“ซาเล็คต้า” ประกาศความพร้อมขับเคลื่อนธุรกิจสู่เอ็นเตอร์เทนเม้นท์แนวใหม่ เปิดรับพันธมิตรเชื่อมต่อเครือข่ายธุรกิจบันเทิงทั่วโลก เฟ้นหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ ที่สามารถต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจเดิม ปักหมุดเป้าหมาย 3 ปี ขึ้นแท่นผู้นำเอ็นเตอร์เทนเม้นท์แนวใหม่ครบวงจรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลั่นปีหน้าลุยงานจัดอีเว้นท์เต็มสูบ ส่วนธุรกิจการผลิตภาพยนตร์ยังเดินหน้าต่อ ปลายปีนี้เตรียมเปิดตัวภาพยนตร์ใหม่อีก 1 เรื่อง คาดปีหน้ารายเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% `
นายขันเงิน เนื้อนวล กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัทซาเล็คต้า จำกัด(มหาชน) หรือ ZAA (ชื่อเดิมเอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์) นำทีมผู้บริหารบริษัทประกอบด้วยนายจิรัชย์ วงษ์ตระหง่าน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายทรงพล เชาวนโยธิน ประธานเจ้าหน้าบริหารฝ่ายปฏิบัติการ แถลงแผนยุทธศาสตร์ของบริษัท ภายหลังจากที่มีการรีแบรนดดิ้ง เพื่อให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจของกลุ่ม ZAA โดยนายขันเงิน กล่าวว่า การขับเคลื่อนธุรกิจของบริษัท มีเป้าหมายที่จะยกระดับสู่การเป็นเอ็นเตอร์เทนเม้นท์แนวใหม่ครบวงจร ที่มีพันธมิตรด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ทั่วโลก เพื่อเพิ่มโอกาสนำไปสู่การลงทุนและทำธุรกิจใหม่ๆ ที่เป็นเมกะเทรนด์โลก โดยวางเป้าหมายในอีก 3 ปีข้างหน้า ZAA จะต้องเป็นผู้นำด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“เรามีธงที่ชัดเจนในการยกระดับธุรกิจของ ZAA ไปสู่ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนท์แนวใหม่ แนวสร้างสรรค์ เพราะถือเป็นเมกะเทรนด์ของโลกที่กำลังมาแรง มีแนวโน้มเติบโตสูง ในปีหน้าจะเห็นภาพการรุกสู่ธุรกิจแนวใหม่ที่ครอบคลุมธุรกิจบันเทิงอย่างชัดเจน มีโปรเจกต์ใหม่ๆ ทั้งการจัดงาน Event ต่างๆ การจัดคอนเสิร์ต ที่มีศิลปินไทยและศิลปินระดับโลก เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ครบทุกมิติ”นายขันเงินกล่าว
ส่วนธุรกิจเดิมของกลุ่ม ZAA คือธุรกิจผลิตภาพยนตร์จะยังคงดำเนินธุรกิจตามปกติ โดยปลายนี้มีแผนที่จะเปิดตัวภาพยนต์ใหม่อีก 1 เรื่อง ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี นอกจากนี้บริษัทมีแนวคิดที่จะนำธุรกิจใหม่ ๆ เข้าไปเชื่อมโยงต่อยอดกับธุรกิจเดิม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจเดิม
นายขันเงิน กล่าวอีกว่า การปรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่ม ZAA ในครั้งนี้จะส่งผลให้ผลการดำเนินของบริษัทมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายว่าปีหน้ารายได้ของบริษัทจะเติบโตไม่น้อยกว่า 10 %โดยปีหน้าสัดส่วนรายได้จะมาจาก 2 ส่วนหลัก คือ ธุรกิจภาพยนตร์ และธุรกิจบันเทิงรูปแบบใหญ่ เช่น การจัดอีเว้น คอนเสิร์ต ตลอดจนการให้การสนับสนุนศิลปินรุ่นใหม่ โดยธุรกิจใหม่ดังกล่าว จะเริ่มในปี 2567 เป็นต้นไป
นายขันเงิน เนื้อนวล กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัทซาเล็คต้า จำกัด(มหาชน) หรือ ZAA (ชื่อเดิมเอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์) นำทีมผู้บริหารบริษัทประกอบด้วยนายจิรัชย์ วงษ์ตระหง่าน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายทรงพล เชาวนโยธิน ประธานเจ้าหน้าบริหารฝ่ายปฏิบัติการ แถลงแผนยุทธศาสตร์ของบริษัท ภายหลังจากที่มีการรีแบรนดดิ้ง เพื่อให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจของกลุ่ม ZAA โดยนายขันเงิน กล่าวว่า การขับเคลื่อนธุรกิจของบริษัท มีเป้าหมายที่จะยกระดับสู่การเป็นเอ็นเตอร์เทนเม้นท์แนวใหม่ครบวงจร ที่มีพันธมิตรด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ทั่วโลก เพื่อเพิ่มโอกาสนำไปสู่การลงทุนและทำธุรกิจใหม่ๆ ที่เป็นเมกะเทรนด์โลก โดยวางเป้าหมายในอีก 3 ปีข้างหน้า ZAA จะต้องเป็นผู้นำด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“เรามีธงที่ชัดเจนในการยกระดับธุรกิจของ ZAA ไปสู่ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนท์แนวใหม่ แนวสร้างสรรค์ เพราะถือเป็นเมกะเทรนด์ของโลกที่กำลังมาแรง มีแนวโน้มเติบโตสูง ในปีหน้าจะเห็นภาพการรุกสู่ธุรกิจแนวใหม่ที่ครอบคลุมธุรกิจบันเทิงอย่างชัดเจน มีโปรเจกต์ใหม่ๆ ทั้งการจัดงาน Event ต่างๆ การจัดคอนเสิร์ต ที่มีศิลปินไทยและศิลปินระดับโลก เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ครบทุกมิติ”นายขันเงินกล่าว
ส่วนธุรกิจเดิมของกลุ่ม ZAA คือธุรกิจผลิตภาพยนตร์จะยังคงดำเนินธุรกิจตามปกติ โดยปลายนี้มีแผนที่จะเปิดตัวภาพยนต์ใหม่อีก 1 เรื่อง ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี นอกจากนี้บริษัทมีแนวคิดที่จะนำธุรกิจใหม่ ๆ เข้าไปเชื่อมโยงต่อยอดกับธุรกิจเดิม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจเดิม
นายขันเงิน กล่าวอีกว่า การปรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่ม ZAA ในครั้งนี้จะส่งผลให้ผลการดำเนินของบริษัทมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายว่าปีหน้ารายได้ของบริษัทจะเติบโตไม่น้อยกว่า 10 %โดยปีหน้าสัดส่วนรายได้จะมาจาก 2 ส่วนหลัก คือ ธุรกิจภาพยนตร์ และธุรกิจบันเทิงรูปแบบใหญ่ เช่น การจัดอีเว้น คอนเสิร์ต ตลอดจนการให้การสนับสนุนศิลปินรุ่นใหม่ โดยธุรกิจใหม่ดังกล่าว จะเริ่มในปี 2567 เป็นต้นไป