Wealth Sharing

POLY จับมือศูนย์นวัตกรรมทางการแพทย์ฯ พัฒนาสินค้ากลุ่ม Medical Innovation


03 ตุลาคม 2566
POLY ร่วมกับศูนย์นวัตกรรมทางการแพทย์ฯ พัฒนาสินค้ากลุ่ม Medical Innovation ในอุปกรณ์ PEG (ชุดสายสวนกระเพาะอาหารแบบใส่ผ่านกล้อง) ยกระดับอุปกรณ์ทางการแพทย์ของคนไทยมาตรฐานไม่แพ้ใครในโลก

POLY จับมือศูนย์นวัตกรรมทางการแพทย์ฯ.jpg
นางกาญจนา เหลารัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โพลีเน็ต จำกัด (มหาชน) หรือ POLY ลงนามในสัญญาบันทึกข้อตกลง (mou) ร่วมกับ ศ.นพ.รังสรรค์ ฤกษ์นิมิตร ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมทางการแพทย์และการประกอบการ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อร่วมกันค้นคว้า วิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยเริ่มต้นความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ PEG ใช้สำหรับการให้อาหารผ่านสาย  ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนจากซิลิโคนที่ทางโพลีเน็ตเชี่ยวชาญ ซึ่งในปัจจุบันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ยังไม่มีผู้ผลิตในไทย จึงนับเป็นการนำนวัตกรรมทางแพทย์ (Medical Innovation) มาใช้สนับสนุนการรักษาให้คนไทยได้ใช้รักษาในราคาที่เหมาะสม แต่ยังคงมาตรฐานสากล เทียบเท่าต่างประเทศ

สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ จึงนับเป็นการร่วมมือของหน่วยงานในกำกับของรัฐและภาคเอกชนที่เข้ามาต่อยอดการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ระดับประเทศและนานาชาติร่วมกัน เพื่อตอบโจทย์ในการรักษา สร้างคุณค่าต่อสังคม และนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ต่อไป

นางกาญจนา กล่าวเพิ่มเติมว่า “เราเริ่มต้นจากการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ PEG ขณะนี้ อยู่ในช่วงของการทดสอบ เพื่อสร้างความมั่นใจในการรักษา จึงมองว่า เป็นโอกาสที่เราจะช่วยยกระดับอุปกรณ์ทางการแพทย์ของไทยให้เทียบชั้นในระดับสากลได้ ขณะที่ ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษาด้วยสินค้าที่ยังคงมาตรฐานจากต่างประเทศ อย่างไรก็ดี เราก็มองว่า ความสำเร็จจากผลิตภัณฑ์นำร่องนี้ ทางศูนย์นวัตกรรมทางการแพทย์และการประกอบการฯ ก็มีโอกาสร่วมกับโพลีเน็ต พัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Medical Innovation ตัวอื่นๆเพิ่มเติมในอนาคต”

อย่างไรก็ดี POLY เราเชี่ยวชาญและคร่ำหวอดอยู่ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนมากว่า 20 ปี เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับ ยาง พลาสติก และซิลิโคน สำหรับการลงนามในครั้งนี้ สะท้อนอีกความสำเร็จในการขยายตลาดของ POLY ไปยังลูกค้าในกลุ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์เพิ่มเติม ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเฉพาะด้านและมาตรฐานในระดับสูง และสนับสนุนแนวโน้มการเติบโตในอนาคต ในกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรที่ดี เมื่อเทียบกับกลุ่มยานยนต์ที่เป็นกลุ่มหลักในปัจจุบัน และมองว่า ผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนอุปกรณ์ทางการแพทย์มีโอกาสเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็นอันดับหนึ่งในอนาคตได้