นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 37.07 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.96 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.90-37.20 บาทต่อดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลง (แกว่งตัวในช่วง 36.91-37.05 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ ต่างปรับตัวขึ้น ตามรายงานดัชนี ISM PMI สหรัฐ ที่ออกมาดีกว่าคาด รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ยังคงสนับสนุนการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อจนกว่าเฟดจะมั่นใจว่าคุมเงินเฟ้อได้สำเร็จ ซึ่งภาพดังกล่าวยังได้ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลงต่อเนื่อง และโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง
นายพูนกล่าวว่า สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทกลับไม่ได้ชะลอลงตามที่ประเมินไว้ก่อนหน้า กดดันโดยโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว หลังราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่อง (ทะลุโซนแนวรับที่เราประเมินไว้) ซึ่งภาพดังกล่าวก็เกิดขึ้นในช่วงที่ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ ต่างปรับตัวขึ้น
ทำให้ในวันนี้เงินบาทยังมีความเสี่ยงผันผวนอ่อนค่าต่อได้ หลังจากที่เงินบาทได้อ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านสำคัญ 36.85 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้เงินบาทอ่อนค่าต่อทดสอบโซน 37.15-37.25 บาทต่อดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม คงมุมมองเดิมว่า จุดอ่อนค่าสุดของเงินบาทที่เป็นไปได้ใหม่ หากอ้างอิงการประเมิน Valuation ของเงินบาทจากดัชนีเงินบาท REER จะอยู่ที่ประมาณ 37.50 บาทต่อดอลลาร์ (ประเมินไว้เมื่อวันที่ 26 กันยายน)
อย่างไรก็ดี ควรจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์ในช่วงระหว่างวัน เนื่องจากแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอลงบ้าง และมีโอกาสที่อาจจะเห็นการทยอยกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยได้บ้าง หลังดัชนี SET ก็ปรับตัวลงมาใกล้โซนแนวรับสำคัญ ทั้งนี้ ในระยะสั้นมองว่าแรงขายบอนด์ระยะยาวของไทยก็อาจยังพอมีอยู่บ้าง จนกว่าบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ จะพลิกกลับมาย่อตัวลง
ทั้งนี้ ควรระมัดระวังความผันผวนของเงินบาทในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐ ในช่วงเวลา 21.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย เพราะหากยอดตำแหน่งงานเปิดรับปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หรือออกมาแย่กว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อของเฟด หรือแนวโน้มเฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน ในทางกลับกัน รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีกว่าคาด จะยิ่งหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ ซึ่งอาจทำให้ราคาทองคำปรับตัวลงต่อได้ ส่งผลให้เงินบาทจะยังคงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อไปในช่วงนี้
“สินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูงจากนโยบายการเงิน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และการเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง” นายพูนกล่าว
ขณะเดียวกัน ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ ที่ได้แรงหนุนจากความกังวลแนวโน้มเฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นทะลุโซน 107 จุด ได้สำเร็จ (กรอบ 106.4-107.2 จุด)
นายพูนกล่าวว่า สำหรับวันนี้ ไฮไลต์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐ อย่างยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) ซึ่งอาจสะท้อนภาวะการจ้างงานในสหรัฐได้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่า ยอดตำแหน่งงานเปิดรับอาจทรงตัวที่ระดับ 8.83 ล้านตำแหน่ง
ส่วนในฝั่งเอเชีย ตลาดจะรอจับตาผลการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า RBA อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.10% หลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอตัวลงมากขึ้น
“และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก ทั้งเฟด และ ECB เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินในระยะถัดไป” นายพูนกล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเปิดตัวซื้อขายวันนี้ราคาทองร่วงลงทันที 150 บาทต่อบาททองคำ
ที่มา : https://www.matichon.co.th/economy/news_4211556