Fund / Insurance
BKI ปรับโครงสร้างตั้งเป็น “บีเคไอ โฮลดิ้งส์” ขยายการลงทุนสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน
04 ตุลาคม 2566
บมจ.กรุงเทพประกันภัย (BKI) ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ตั้งบมจ. บีเคไอ โฮลดิ้งส์ “BKIH” ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความมั่นคงอย่างยั่งยืน มั่นใจผู้ถือหุ้นตอบรับแผน ยันจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่าในอดีต คาดแลกหุ้นช่วงไตรมาส2 ปี 67
![BKI ปรับโครงสร้างตั้งเป็น.jpg](https://www.share2trade.com/storage/News%20Today/2023/041023/BKI%20%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99.jpg)
ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพประกันภัย (BKI) กล่าวว่า บริษัทได้จัดตั้ง บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH เพื่อประกอบธุรกิจเป็นบริษัทลงทุน (Holding Company) ในธุรกิจอื่นๆ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัยที่เป็นธุรกิจหลัก และที่นอกเหนือจากธุรกิจประกันภัย โดยบริษัทโฮลดิ้งส์จะมีบทบาทในด้านการกำหนดนโยบาย กำกับดูแล และบริหารจัดการกลุ่มธุรกิจให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์โดยรวม ตลอดจนบริหารจัดการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่สร้างประโยชน์ให้ทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน
โดยบริษัทฯ จะมีการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2566 ในวันที่ 6 ตุลาคม 2566 เพื่อพิจารณาอนุมัติแผนการปรับโครงสร้าง และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จากนั้น BKIH ซึ่งปัจจุบันได้จัดตั้งบริษัทแล้ว จะดำเนินการยื่นไฟลิ่ง (แบบ 69/247-1) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) เพื่อพิจารณาต่อไป โดยคาดว่าภายหลังจากสำนักงาน ก.ล.ต. อนุมัติ จะเข้าสู่ขั้นตอนการทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ BKI
โดย BKIH จะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BKIH เพื่อแลกกับหุ้นสามัญของ BKI ในอัตราเท่ากับ
1 หุ้นสามัญของ BKI ต่อ 1 หุ้นสามัญของ BKIH ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 และภายหลังการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทฯ เสร็จสิ้นแล้ว BKI จะดำเนินการเพิกถอนหุ้นของบริษัทฯ ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ BKIH จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แทนที่หุ้นของบริษัทฯ ในวันเดียวกันกับที่หุ้นของบริษัทฯ ถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นของ BKI ที่เข้าร่วมการแลกเปลี่ยนหุ้น หรือตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์จาก BKIH จะไม่ได้รับผลกระทบทางภาษีใดๆ อันเป็นผลจากธุรกรรมการแลกหุ้น
สำหรับการดำเนินธุรกิจในอนาคต บริษัทวางแผนจะดำเนินธุรกิจผ่าน 2 กลุ่มคือ 1.กลุ่มธุรกิจหลัก ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย โดยจะมีขนาดสินทรัพย์รวมกันไม่น้อยกว่า 75% ของสินทรัพย์รวมของ BKIH ประกอบด้วย 3 สายงานธุรกิจ
ได้แก่ 1.ธุรกิจประกันวินาศภัยในประเทศไทย (Non-Life Insurance) 2.ธุรกิจประกันภัยในต่างประเทศ (International Insurance) และ 3.ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัย (Insurance Related)
และ 2.กลุ่มธุรกิจอื่น ดำเนินธุรกิจนอกเหนือจากการประกันภัย โดยจะมีขนาดของสินทรัพย์รวมกันไม่เกิน 25% ของสินทรัพย์รวมของ BKIH
“ในช่วง 2 ปีแรก ผลประกอบการเกือบ 100% ของ BKIH ยังคงมาจาก BKI แต่ในขณะเดียวกันบริษัทจะทำการศึกษาวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ และความคุ้มทุนในการขยายกรอบธุรกิจ โดยจะเห็นความชัดเจนการลงทุนตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป”
ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทมีแนวทางการลงทุนในกลุ่มบริษัทเทคคอมปะนี ที่มีความเกี่ยวข้องกับ AI Technology เพื่อจะนำไปสู่การเป็น Digital Insurance และสร้างความเป็น Zero-Touch Customer Experience
2.ลงทุนสร้างศูนย์ตรวจสภาพรถ เพื่อการทำประกันภัย สำหรับรถที่มีอายุมากกว่า 7 ปีขึ้นไป ซึ่งจะใช้เทคโนโลยีเอไอมาช่วย โดยบริษัทนี้จะอยู่ภายใต้บริษัทเทคคอมปะนี โดยจะนำเสนอขายประกันภัยให้ได้ฐานลูกค้าที่กว้างขว้างขึ้น
สำหรับการจ่ายเงินปันผลใน BKIH ผู้บริหารยืนยันว่า ผู้ที่สวอปหุ้นจะได้รับเงินปันผลไม่ต่ำกว่าที่เคยได้รับจาก BKI ที่ปีที่แล้วจ่ายปันผลไปประมาณ 15 บาทต่อหุ้น
“ก้าวใหม่ของ BKIH กับความมุ่งมั่นพัฒนายกระดับองค์กรในทุกมิติ ขับเคลื่อนธุรกิจประกันภัยและธุรกิจที่หลากหลายให้เติบโตไปข้างหน้าอย่างไร้ขีดจำกัด เพื่อสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มสู่ความมั่นคงอย่างยั่งยืน โดยยังคงยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจ บนพื้นฐานของการกำกับดูเเลกิจการที่ดี โปร่งใสและเป็นธรรม คำนึงถึงปัจจัยด้านสิ่งเเวดล้อม สังคม เเละธรรมาภิบาล เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสังคมควบคู่ไปกับการมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างสมดุลต่อไป”
![BKI ปรับโครงสร้างตั้งเป็น.jpg](https://www.share2trade.com/storage/News%20Today/2023/041023/BKI%20%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99.jpg)
ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพประกันภัย (BKI) กล่าวว่า บริษัทได้จัดตั้ง บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH เพื่อประกอบธุรกิจเป็นบริษัทลงทุน (Holding Company) ในธุรกิจอื่นๆ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัยที่เป็นธุรกิจหลัก และที่นอกเหนือจากธุรกิจประกันภัย โดยบริษัทโฮลดิ้งส์จะมีบทบาทในด้านการกำหนดนโยบาย กำกับดูแล และบริหารจัดการกลุ่มธุรกิจให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์โดยรวม ตลอดจนบริหารจัดการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่สร้างประโยชน์ให้ทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน
โดยบริษัทฯ จะมีการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2566 ในวันที่ 6 ตุลาคม 2566 เพื่อพิจารณาอนุมัติแผนการปรับโครงสร้าง และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จากนั้น BKIH ซึ่งปัจจุบันได้จัดตั้งบริษัทแล้ว จะดำเนินการยื่นไฟลิ่ง (แบบ 69/247-1) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) เพื่อพิจารณาต่อไป โดยคาดว่าภายหลังจากสำนักงาน ก.ล.ต. อนุมัติ จะเข้าสู่ขั้นตอนการทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ BKI
โดย BKIH จะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BKIH เพื่อแลกกับหุ้นสามัญของ BKI ในอัตราเท่ากับ
1 หุ้นสามัญของ BKI ต่อ 1 หุ้นสามัญของ BKIH ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 และภายหลังการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทฯ เสร็จสิ้นแล้ว BKI จะดำเนินการเพิกถอนหุ้นของบริษัทฯ ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ BKIH จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แทนที่หุ้นของบริษัทฯ ในวันเดียวกันกับที่หุ้นของบริษัทฯ ถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นของ BKI ที่เข้าร่วมการแลกเปลี่ยนหุ้น หรือตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์จาก BKIH จะไม่ได้รับผลกระทบทางภาษีใดๆ อันเป็นผลจากธุรกรรมการแลกหุ้น
สำหรับการดำเนินธุรกิจในอนาคต บริษัทวางแผนจะดำเนินธุรกิจผ่าน 2 กลุ่มคือ 1.กลุ่มธุรกิจหลัก ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย โดยจะมีขนาดสินทรัพย์รวมกันไม่น้อยกว่า 75% ของสินทรัพย์รวมของ BKIH ประกอบด้วย 3 สายงานธุรกิจ
ได้แก่ 1.ธุรกิจประกันวินาศภัยในประเทศไทย (Non-Life Insurance) 2.ธุรกิจประกันภัยในต่างประเทศ (International Insurance) และ 3.ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัย (Insurance Related)
และ 2.กลุ่มธุรกิจอื่น ดำเนินธุรกิจนอกเหนือจากการประกันภัย โดยจะมีขนาดของสินทรัพย์รวมกันไม่เกิน 25% ของสินทรัพย์รวมของ BKIH
“ในช่วง 2 ปีแรก ผลประกอบการเกือบ 100% ของ BKIH ยังคงมาจาก BKI แต่ในขณะเดียวกันบริษัทจะทำการศึกษาวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ และความคุ้มทุนในการขยายกรอบธุรกิจ โดยจะเห็นความชัดเจนการลงทุนตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป”
ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทมีแนวทางการลงทุนในกลุ่มบริษัทเทคคอมปะนี ที่มีความเกี่ยวข้องกับ AI Technology เพื่อจะนำไปสู่การเป็น Digital Insurance และสร้างความเป็น Zero-Touch Customer Experience
2.ลงทุนสร้างศูนย์ตรวจสภาพรถ เพื่อการทำประกันภัย สำหรับรถที่มีอายุมากกว่า 7 ปีขึ้นไป ซึ่งจะใช้เทคโนโลยีเอไอมาช่วย โดยบริษัทนี้จะอยู่ภายใต้บริษัทเทคคอมปะนี โดยจะนำเสนอขายประกันภัยให้ได้ฐานลูกค้าที่กว้างขว้างขึ้น
สำหรับการจ่ายเงินปันผลใน BKIH ผู้บริหารยืนยันว่า ผู้ที่สวอปหุ้นจะได้รับเงินปันผลไม่ต่ำกว่าที่เคยได้รับจาก BKI ที่ปีที่แล้วจ่ายปันผลไปประมาณ 15 บาทต่อหุ้น
“ก้าวใหม่ของ BKIH กับความมุ่งมั่นพัฒนายกระดับองค์กรในทุกมิติ ขับเคลื่อนธุรกิจประกันภัยและธุรกิจที่หลากหลายให้เติบโตไปข้างหน้าอย่างไร้ขีดจำกัด เพื่อสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มสู่ความมั่นคงอย่างยั่งยืน โดยยังคงยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจ บนพื้นฐานของการกำกับดูเเลกิจการที่ดี โปร่งใสและเป็นธรรม คำนึงถึงปัจจัยด้านสิ่งเเวดล้อม สังคม เเละธรรมาภิบาล เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสังคมควบคู่ไปกับการมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างสมดุลต่อไป”