เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 05-10-23
05-10-23 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***หลังจากเกิดเรื่องวัยรุ่นกราดยิงที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอนเมื่อวานนี้ ส่งผลกระทบต่อกลุ่มท่องเที่ยวแน่ๆ เจ๊จิ๋มประมวลผลจากบรรดากูรู...ลองทายดูมะว่าผลออกมาเป็นยังไง??? ใช่อ่ะ!! คำตอบไปในทางเดียวกันหมด..กูรูทั่นแรกบอกว่าเรื่องนี้เป็นลบต่อกลุ่มท่องเที่ยว เพราะเหตุการณ์นี้ทำให้มีนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิต ซึ่งจะส่งผลให้ความเชื่อมั่นต่อความปลอดภัยที่จะเดินทางมาเที่ยวไทยลดลงไปอีก จากเดิมที่มีความกังวลอยู่แล้วเพราะก่อนหน้า นี้มีเหตุการณ์รุนแรงที่เกี่ยวกับนักท่องเที่ยวจีนมาซักระยะหนึ่ง ซึ่งอาจมีผลต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวในไทย และจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น น้อยกว่าประมาณการได้ (เดิมคาดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนปีนี้จะอยู่ที่ 4 ล้านคน, นักท่องเที่ยวจีนตั้งแต่ 1 ม.ค.-1 ต.ค.66 อยู่ที่ 2.5 ล้านคน)
***ประเมินว่ากลุ่มท่องเที่ยวที่จะมีผลกระทบมากที่สุดเรียงตามสัดส่วนรายได้จาก นักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวในประเทศไทย ได้แก่ ERW, CENTEL, MINT, SHR และกลุ่ม Aviation ได้แก่ AAV, AOT นอกจากนี้ยังกระทบต่อ BAFS ด้วย อย่างไรก็ดี หากเทียบกับตอนเรือล่มที่ภูเก็ต จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 3 เดือนติดต่อกัน จากระดับเดือนละ 8.7 แสนคน เหลือ 6.5 แสนคน แต่หลังจากนั้นมีฟรีวีซ่าทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนกลับมาสู่ระดับเดิม จึงคาดว่าผลกระทบในรอบนี้จะน้อยกว่า 3 เดือนเพราะมีฟรีวีซ่าอยู่แล้ว สำหรับหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและการบิน
***กูรูอีกค่ายก้อมองเป็นจิตวิทยาลบต่อกลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่มที่ได้ประโยชน์ท่องเที่ยวเร่ง อาทิ ค้าปลีก สื่อสาร โดยเฉพาะช่วงเวลา ปัจจุบันที่กำลังอยู่ในช่วง Golden Week ของนักท่องเที่ยวจีน โดยมีความเสี่ยงทำให้ท่องเที่ยวกำลังกลับมาเร่งสะดุด ทั้งนี้นักท่องเที่ยว 24 ก.ย. – 1 ต.ค. เริ่มเร่งสู่ 5.52 แสนคน เพิ่มขึ้น +14.75%w-w หลังมาตรการฟรีวีซ่าจีนเริ่มมีผล 25 ก.ย.66 รอบนี้ประเมินว่าน่าจะส่งผลให้ SET ปรับ ลง -1 ถึง -2% และถ่วงภาคท่องเที่ยวไม่เกิน 1-2 เดือน
***จากการศึกษาเหตุการณ์ที่คล้ายกันในอดีต
1) เหตุการณ์ลอบวางระเบิด 9 จุดทั่ว กทม. 31 ธ.ค. 2549 SET ปรับตัวลงวันทำการถัดมา -3.1% และซึมลงต่อเนื่องอีก -5% ขณะที่จำนวนักท่องเที่ยวปรับตัวลงต่อเนื่อง 5 เดือน และใช้เวลาราว 1 ปีก่อนที่กลับสู่ระดับก่อนเกิดเหตุ
2) เหตุระเบิดศาลพระพรหมเอราวัณ 17 ส.ค. 2558 วันทำการถัดมา SET ตอบรับเชิงลบปรับตัวลง -2.5% และแกว่งลงอีกราว -3.5% ทำจุดต่ำสุดในอีก 6 วันทำการถัดมา ขณะที่จำนวนักท่องเที่ยวปรับตัวลงต่อเนื่อง 2 เดือน ใช้เวลาราว 3 เดือนที่กลับสู่ระดับก่อนเกิดเหตุ
3) เรือล่มที่ภูเก็ต 5 ก.ค. 2561 SET ตอบ รับเชิงลบปรับตัวลง -1.7% และแกว่งลงอีกราว -3.5% ทำจุดต่ำสุดในวันทำการถัดมก่อนฟื้นสู่ระดับก่อนเกิหเหตุใน 3 วันทำการ นักท่องเที่ยวปรับตัวลดลง 2 เดือน ก่อนกลับสู่ระดับปกติในอีก 2 เดือนถัดมา
***กูรูหุ้นรายสุดท้ายของวันนี้บอกว่าไทยเราอาจต้องเผชิญกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต่ำกว่าคาดในปีนี้รุนแรงขึ้น และอาจส่งผลเสียต่อการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้ นักท่องเที่ยวชาวจีนมีทัศนคติเชิงลบต่อการท่องเที่ยวไทยในเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางอยู่แล้ว และเหตุการณ์นี้อาจกระตุ้นให้เกิดความกลัวการเดินทางเข้าประเทศไทยในระยะสั้น ความรู้สึกของการมาถึงจากประเทศอื่นอาจได้รับผลกระทบเช่นกัน คาดว่าจะมีการตอบสนองราคาหุ้นที่ลดลง
***พร้อมกันนี้คาดว่าหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวจะมีการตอบสนองเชิงลบ ประเมินว่า AOT และสายการบินได้รับผลกระทบหนักที่สุด เนื่องจากการพึ่งพาจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทย เป็นอย่างมาก นอกจากนี้จะมีผลกระทบอย่างมากต่อ ERW โดยสาเหตุหลักมาจากการที่บริษัทสามารถเข้าถึงโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ (20% ของรายได้ในปีนี้) ในทางกลับกันคาดว่า MINT จะได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เนื่องจากบริษัทมีธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยอย่างจำกัด และให้ความสำคัญกับการดำเนินงานในต่างประเทศมากขึ้น กลุ่มโรงแรมในประเทศไทยมีส่วนช่วยเพียง 10% ของรายได้ของ MINT ในปีนี้
***ระหว่างวันที่ 5-8 ตุลาฯนี้ ถ้ายังคิดไม่ออกว่าจะไปไหนดี สำหรับคนที่มีน้องหมาสุดที่รักเจ๊จิ๋มแนะนำไปเที่ยวงาน SmartHeart presents Thailand International Pet Variety Exhibition” มหกรรมสัตว์เลี้ยงสุดยิ่งใหญ่แห่งปี ภายใต้แนวคิด Pet Lympic เริ่มตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี Hall 7-8 งานนี้ บมจ.อินเตอร์ไฮด์ หรือ IHL ที่มีกลุ่มธุรกิจใหม่ประเภทขนมขบเคี้ยวสุนัข “MOMO & FRIENDS” ก้อไปร่วมออกงานด้วย แวะไปดู-ไปชมได้ที่บูธเลขที่ D11-D12
***ปรบมือรัวๆๆๆ ให้กับ PJW ภายใต้การบริหารของ "วิวรรธน์ เหมมณฑารพ" เมื่อวานจัดแถลงข่าวครั้งสำคัญ ประกาศลั่น! ผลงานปี 67 เติบโตก้าวกระโดด หลังจับมือพันธมิตรออกผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ เพื่อสร้าง New S -Curve ในช่วง 3 ปีข้างหน้า พร้อมอ้าแขนรับพันธมิตร Synergy ธุรกิจ ส่วนปี 66 มั่นใจเทิร์นอะราวด์ ตามนัด! ด้วยแรงหนุนจาก 3 ธุรกิจดาวเด่นไปได้สวย อานิสงส์ดีมานด์บรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นและนมเพิ่มขึ้น ออเดอร์ชิ้นส่วนยานยนต์ทะลัก ธุรกิจลอนดรี้ได้รับประโยชน์เศรษฐกิจฟื้น-ท่องเที่ยวบูม หลังจากรัฐบาลประกาศนโยบายฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน
***บิ๊กบอสคนเก่งบอกว่า “มั่นใจว่าภาพรวมธุรกิจของ PJW ในปีนี้จะเทิร์นอะราวด์ ตามแผนงานที่วางไว้ เนื่องจาก 3 ธุรกิจดาวเด่นของบริษัทฯฟื้นตัวอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งน้ำมันหล่อลื่น และนมเปรี้ยว กลับมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยอดขายชิ้นส่วนยานยนต์ที่จะเพิ่มขึ้นจากการที่นิวโมเดล หลังจากที่ต้องเลื่อนออกไปจากสถานการณ์เซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลนในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น และธุรกิจลอนดรี้มีลูกค้ากลุ่มโรงแรม โรงพยาบาลรวมถึงขนส่ง เพิ่มมากขึ้น ตามการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าธุรกิจลอนดรี้จะสร้างผลกำไรอย่างโดดเด่นภายในปี 2567 นอกจากนี้ในปีหน้าธุรกิจผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ คาดว่าจะเริ่มโดดเด่นมากขึ้น เห็นได้จากยอดขายในครึ่งปีหลังที่เพิ่มขึ้น และภายใน 3 ปี (2566-2568) ยอดขายจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะเรามี New product ที่เราพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจะขยายตลาดไปยังกลุ่มอาเซียนที่มีมากกว่า600ล้านคนอีกด้วย”
***สำหรับปี 2566 นี้ PJW ตั้งเป้ารายได้เติบโตระดับ 10% โดยจะเร่งแผนการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อรักษาอัตรากำไรในภาวะที่ต้นทุนการผลิต ทั้งค่าแรงและค่าพลังงาน รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่เริ่มอยู่ในช่วงขาขึ้น ส่วนงบลงทุนวางไว้ประมาณ 300 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ กลุ่มธุรกิจลอนดรี้ ลงทุนเครื่องจักร เพื่อขยายกำลังการผลิตและลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และปรับปรุงในอาคารสำนักงาน และแผงโซลาร์รูฟ
***แอบได้ยินว่า "วีระพล ไชยธีรัตต์" บิ๊กบอส CWT ปลื้มปริ่ม!! ยิ้มแก้มปริ!!! ด้วยบริษัทลูก "กรีน เพาเวอร์ 1" ส่งมอบงาน บริหารจัดการและกำจัดขยะมูลฝอยชุมชน เทศบาลนครนครสวรรค์ และจะบุ๊กรายได้แบบยาวๆๆๆๆๆ 25 ปี คิดเป็นมูลค่าราวๆ 590.55 ล้านบาท แถมมีน้องพรายมากระซิบกับเจ๊จิ๋มว่า ก้าวต่อไปของ CWT มีแผนจะต่อยอดด้วยการเปลี่ยนเจ้าขยะเป็นโรงผลิตกระแสไฟฟ้าจากเชื้อเพลิง RDF ขนาด 10 เมกะวัตต์ ที่นี้ก็เท่เลย!!! ได้ทั้งกำจัดขยะให้หมดไป และยังมีรายได้จากการขายไฟอีกด้วย งานนี้ไม่มีลำบาก-ไม่ว้าวุ่นแน่นอน...คอนเฟิร์ม!!!
***ไปต่อไม่รอแล้วนะสำหรับ SUPER ตอนนี้สตอรี่ด้านธุรกิจพลังงานหมุนเวียนกำลังไปได้สวยหลังจับมือ AC ENERGY VIETNAM INVESTMENTS PTE. LTD. (ACEV) บริษัทชั้นนำธุรกิจพลังงานทดแทนของฟิลิปปินส์ เข้าร่วมเป็นพันธมิตรในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนาม ขนาด 836.72 เมกะวัตต์
***ล่าสุด CEO สุดขยัน “จอมทรัพย์ โลจายะ” กระซิบว่าตอนนี้ SUPER อยู่ระหว่างเจรจายักษ์ใหญ่อันดับต้นๆของจีน เข้าร่วมเป็นพันธมิตรเพิ่มในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานขยะ ซึ่งจะมาพร้อมกับเทคโนโลยีและโนว์ฮาวต่างๆ อีกเพียบ รวมทั้งปัจจุบันยังมีบริษัทยักษ์ใหญ่พลังงานไฟฟ้าในประเทศสนใจจับมือกับบริษัทฯ ในธุรกิจพลังงานทดแทนอีกหลายราย อุ๊ปส์ส์ส์ส์..พวกเรามาจับตาแผนประกาศความร่วมมือและโปรเจคดีๆ กันเถอะ..แว่วๆ ว่าเร็วๆ นี้มีคำเฉลย
05-10-23 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***หลังจากเกิดเรื่องวัยรุ่นกราดยิงที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอนเมื่อวานนี้ ส่งผลกระทบต่อกลุ่มท่องเที่ยวแน่ๆ เจ๊จิ๋มประมวลผลจากบรรดากูรู...ลองทายดูมะว่าผลออกมาเป็นยังไง??? ใช่อ่ะ!! คำตอบไปในทางเดียวกันหมด..กูรูทั่นแรกบอกว่าเรื่องนี้เป็นลบต่อกลุ่มท่องเที่ยว เพราะเหตุการณ์นี้ทำให้มีนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิต ซึ่งจะส่งผลให้ความเชื่อมั่นต่อความปลอดภัยที่จะเดินทางมาเที่ยวไทยลดลงไปอีก จากเดิมที่มีความกังวลอยู่แล้วเพราะก่อนหน้า นี้มีเหตุการณ์รุนแรงที่เกี่ยวกับนักท่องเที่ยวจีนมาซักระยะหนึ่ง ซึ่งอาจมีผลต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวในไทย และจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น น้อยกว่าประมาณการได้ (เดิมคาดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนปีนี้จะอยู่ที่ 4 ล้านคน, นักท่องเที่ยวจีนตั้งแต่ 1 ม.ค.-1 ต.ค.66 อยู่ที่ 2.5 ล้านคน)
***ประเมินว่ากลุ่มท่องเที่ยวที่จะมีผลกระทบมากที่สุดเรียงตามสัดส่วนรายได้จาก นักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวในประเทศไทย ได้แก่ ERW, CENTEL, MINT, SHR และกลุ่ม Aviation ได้แก่ AAV, AOT นอกจากนี้ยังกระทบต่อ BAFS ด้วย อย่างไรก็ดี หากเทียบกับตอนเรือล่มที่ภูเก็ต จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 3 เดือนติดต่อกัน จากระดับเดือนละ 8.7 แสนคน เหลือ 6.5 แสนคน แต่หลังจากนั้นมีฟรีวีซ่าทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนกลับมาสู่ระดับเดิม จึงคาดว่าผลกระทบในรอบนี้จะน้อยกว่า 3 เดือนเพราะมีฟรีวีซ่าอยู่แล้ว สำหรับหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและการบิน
***กูรูอีกค่ายก้อมองเป็นจิตวิทยาลบต่อกลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่มที่ได้ประโยชน์ท่องเที่ยวเร่ง อาทิ ค้าปลีก สื่อสาร โดยเฉพาะช่วงเวลา ปัจจุบันที่กำลังอยู่ในช่วง Golden Week ของนักท่องเที่ยวจีน โดยมีความเสี่ยงทำให้ท่องเที่ยวกำลังกลับมาเร่งสะดุด ทั้งนี้นักท่องเที่ยว 24 ก.ย. – 1 ต.ค. เริ่มเร่งสู่ 5.52 แสนคน เพิ่มขึ้น +14.75%w-w หลังมาตรการฟรีวีซ่าจีนเริ่มมีผล 25 ก.ย.66 รอบนี้ประเมินว่าน่าจะส่งผลให้ SET ปรับ ลง -1 ถึง -2% และถ่วงภาคท่องเที่ยวไม่เกิน 1-2 เดือน
***จากการศึกษาเหตุการณ์ที่คล้ายกันในอดีต
1) เหตุการณ์ลอบวางระเบิด 9 จุดทั่ว กทม. 31 ธ.ค. 2549 SET ปรับตัวลงวันทำการถัดมา -3.1% และซึมลงต่อเนื่องอีก -5% ขณะที่จำนวนักท่องเที่ยวปรับตัวลงต่อเนื่อง 5 เดือน และใช้เวลาราว 1 ปีก่อนที่กลับสู่ระดับก่อนเกิดเหตุ
2) เหตุระเบิดศาลพระพรหมเอราวัณ 17 ส.ค. 2558 วันทำการถัดมา SET ตอบรับเชิงลบปรับตัวลง -2.5% และแกว่งลงอีกราว -3.5% ทำจุดต่ำสุดในอีก 6 วันทำการถัดมา ขณะที่จำนวนักท่องเที่ยวปรับตัวลงต่อเนื่อง 2 เดือน ใช้เวลาราว 3 เดือนที่กลับสู่ระดับก่อนเกิดเหตุ
3) เรือล่มที่ภูเก็ต 5 ก.ค. 2561 SET ตอบ รับเชิงลบปรับตัวลง -1.7% และแกว่งลงอีกราว -3.5% ทำจุดต่ำสุดในวันทำการถัดมก่อนฟื้นสู่ระดับก่อนเกิหเหตุใน 3 วันทำการ นักท่องเที่ยวปรับตัวลดลง 2 เดือน ก่อนกลับสู่ระดับปกติในอีก 2 เดือนถัดมา
***กูรูหุ้นรายสุดท้ายของวันนี้บอกว่าไทยเราอาจต้องเผชิญกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต่ำกว่าคาดในปีนี้รุนแรงขึ้น และอาจส่งผลเสียต่อการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้ นักท่องเที่ยวชาวจีนมีทัศนคติเชิงลบต่อการท่องเที่ยวไทยในเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางอยู่แล้ว และเหตุการณ์นี้อาจกระตุ้นให้เกิดความกลัวการเดินทางเข้าประเทศไทยในระยะสั้น ความรู้สึกของการมาถึงจากประเทศอื่นอาจได้รับผลกระทบเช่นกัน คาดว่าจะมีการตอบสนองราคาหุ้นที่ลดลง
***พร้อมกันนี้คาดว่าหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวจะมีการตอบสนองเชิงลบ ประเมินว่า AOT และสายการบินได้รับผลกระทบหนักที่สุด เนื่องจากการพึ่งพาจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทย เป็นอย่างมาก นอกจากนี้จะมีผลกระทบอย่างมากต่อ ERW โดยสาเหตุหลักมาจากการที่บริษัทสามารถเข้าถึงโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ (20% ของรายได้ในปีนี้) ในทางกลับกันคาดว่า MINT จะได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เนื่องจากบริษัทมีธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยอย่างจำกัด และให้ความสำคัญกับการดำเนินงานในต่างประเทศมากขึ้น กลุ่มโรงแรมในประเทศไทยมีส่วนช่วยเพียง 10% ของรายได้ของ MINT ในปีนี้
***ระหว่างวันที่ 5-8 ตุลาฯนี้ ถ้ายังคิดไม่ออกว่าจะไปไหนดี สำหรับคนที่มีน้องหมาสุดที่รักเจ๊จิ๋มแนะนำไปเที่ยวงาน SmartHeart presents Thailand International Pet Variety Exhibition” มหกรรมสัตว์เลี้ยงสุดยิ่งใหญ่แห่งปี ภายใต้แนวคิด Pet Lympic เริ่มตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี Hall 7-8 งานนี้ บมจ.อินเตอร์ไฮด์ หรือ IHL ที่มีกลุ่มธุรกิจใหม่ประเภทขนมขบเคี้ยวสุนัข “MOMO & FRIENDS” ก้อไปร่วมออกงานด้วย แวะไปดู-ไปชมได้ที่บูธเลขที่ D11-D12
***ปรบมือรัวๆๆๆ ให้กับ PJW ภายใต้การบริหารของ "วิวรรธน์ เหมมณฑารพ" เมื่อวานจัดแถลงข่าวครั้งสำคัญ ประกาศลั่น! ผลงานปี 67 เติบโตก้าวกระโดด หลังจับมือพันธมิตรออกผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ เพื่อสร้าง New S -Curve ในช่วง 3 ปีข้างหน้า พร้อมอ้าแขนรับพันธมิตร Synergy ธุรกิจ ส่วนปี 66 มั่นใจเทิร์นอะราวด์ ตามนัด! ด้วยแรงหนุนจาก 3 ธุรกิจดาวเด่นไปได้สวย อานิสงส์ดีมานด์บรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นและนมเพิ่มขึ้น ออเดอร์ชิ้นส่วนยานยนต์ทะลัก ธุรกิจลอนดรี้ได้รับประโยชน์เศรษฐกิจฟื้น-ท่องเที่ยวบูม หลังจากรัฐบาลประกาศนโยบายฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน
***บิ๊กบอสคนเก่งบอกว่า “มั่นใจว่าภาพรวมธุรกิจของ PJW ในปีนี้จะเทิร์นอะราวด์ ตามแผนงานที่วางไว้ เนื่องจาก 3 ธุรกิจดาวเด่นของบริษัทฯฟื้นตัวอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งน้ำมันหล่อลื่น และนมเปรี้ยว กลับมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยอดขายชิ้นส่วนยานยนต์ที่จะเพิ่มขึ้นจากการที่นิวโมเดล หลังจากที่ต้องเลื่อนออกไปจากสถานการณ์เซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลนในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น และธุรกิจลอนดรี้มีลูกค้ากลุ่มโรงแรม โรงพยาบาลรวมถึงขนส่ง เพิ่มมากขึ้น ตามการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าธุรกิจลอนดรี้จะสร้างผลกำไรอย่างโดดเด่นภายในปี 2567 นอกจากนี้ในปีหน้าธุรกิจผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ คาดว่าจะเริ่มโดดเด่นมากขึ้น เห็นได้จากยอดขายในครึ่งปีหลังที่เพิ่มขึ้น และภายใน 3 ปี (2566-2568) ยอดขายจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะเรามี New product ที่เราพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจะขยายตลาดไปยังกลุ่มอาเซียนที่มีมากกว่า600ล้านคนอีกด้วย”
***สำหรับปี 2566 นี้ PJW ตั้งเป้ารายได้เติบโตระดับ 10% โดยจะเร่งแผนการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อรักษาอัตรากำไรในภาวะที่ต้นทุนการผลิต ทั้งค่าแรงและค่าพลังงาน รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่เริ่มอยู่ในช่วงขาขึ้น ส่วนงบลงทุนวางไว้ประมาณ 300 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ กลุ่มธุรกิจลอนดรี้ ลงทุนเครื่องจักร เพื่อขยายกำลังการผลิตและลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และปรับปรุงในอาคารสำนักงาน และแผงโซลาร์รูฟ
***แอบได้ยินว่า "วีระพล ไชยธีรัตต์" บิ๊กบอส CWT ปลื้มปริ่ม!! ยิ้มแก้มปริ!!! ด้วยบริษัทลูก "กรีน เพาเวอร์ 1" ส่งมอบงาน บริหารจัดการและกำจัดขยะมูลฝอยชุมชน เทศบาลนครนครสวรรค์ และจะบุ๊กรายได้แบบยาวๆๆๆๆๆ 25 ปี คิดเป็นมูลค่าราวๆ 590.55 ล้านบาท แถมมีน้องพรายมากระซิบกับเจ๊จิ๋มว่า ก้าวต่อไปของ CWT มีแผนจะต่อยอดด้วยการเปลี่ยนเจ้าขยะเป็นโรงผลิตกระแสไฟฟ้าจากเชื้อเพลิง RDF ขนาด 10 เมกะวัตต์ ที่นี้ก็เท่เลย!!! ได้ทั้งกำจัดขยะให้หมดไป และยังมีรายได้จากการขายไฟอีกด้วย งานนี้ไม่มีลำบาก-ไม่ว้าวุ่นแน่นอน...คอนเฟิร์ม!!!
***ไปต่อไม่รอแล้วนะสำหรับ SUPER ตอนนี้สตอรี่ด้านธุรกิจพลังงานหมุนเวียนกำลังไปได้สวยหลังจับมือ AC ENERGY VIETNAM INVESTMENTS PTE. LTD. (ACEV) บริษัทชั้นนำธุรกิจพลังงานทดแทนของฟิลิปปินส์ เข้าร่วมเป็นพันธมิตรในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนาม ขนาด 836.72 เมกะวัตต์
***ล่าสุด CEO สุดขยัน “จอมทรัพย์ โลจายะ” กระซิบว่าตอนนี้ SUPER อยู่ระหว่างเจรจายักษ์ใหญ่อันดับต้นๆของจีน เข้าร่วมเป็นพันธมิตรเพิ่มในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานขยะ ซึ่งจะมาพร้อมกับเทคโนโลยีและโนว์ฮาวต่างๆ อีกเพียบ รวมทั้งปัจจุบันยังมีบริษัทยักษ์ใหญ่พลังงานไฟฟ้าในประเทศสนใจจับมือกับบริษัทฯ ในธุรกิจพลังงานทดแทนอีกหลายราย อุ๊ปส์ส์ส์ส์..พวกเรามาจับตาแผนประกาศความร่วมมือและโปรเจคดีๆ กันเถอะ..แว่วๆ ว่าเร็วๆ นี้มีคำเฉลย