SRS มั่นใจเทรดวันแรกฉลุย โบรกให้เป้า 24-25 บ.

นาย สิริวัฒน์ ธนุรเวท  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิริซอฟต์ จำกัด (มหาชน) หรือ SRS มั่นใจว่า นักลงทุนจะให้ตอบรับเป็นอย่างดีสำหรับการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ครั้งแรก วันที่ 10 ต.ค.นี้  หลังจากช่วงจองซื้อไอพีโอที่ผ่านมามีความต้องการมากกว่าจำนวนที่เสนอขาย 40 ล้านหุ้น และอาจจะมีนักลงทุนที่สนใจธุรกิจของบริษัทเข้ามาซื้อในกระดานเพิ่มเติม

ดีมานด์หุ้นไอพีโอของบริษัทจำนวนมากในช่วงจองซื้อที่ผ่านมา สะท้อนความเชื่อมั่นที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ หลังจากได้รับเงินระดมทุน บริษัทฯ จะนำไปใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงซอฟต์แวร์สำหรับใช้งานภายในองค์กร ใช้ในการสรรหาและพัฒนาบุคลากรในการพัฒนาระบบหรือซอฟต์แวร์ รวมถึงการขยายพื้นที่สำนักงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการ และเงินทุนหมุนเวียนรองรับโอกาสการเติบโตในอนาคต

ที่สำคัญกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อตั้ง มั่นใจในการเติบโต พร้อมใจ Lock up หุ้นทั้งหมด 100% เป็นระยะเวลา 1 เดือน เพิ่มเติมจากหลักเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดในการติด Silent Period ห้ามขายหุ้นในสัดส่วน 55% ของทุนชำระแล้วหลัง IPO เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน

ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุว่า SRS ถือเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งในตลาดให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี โดยการพัฒนาระบบด้วย High Code ทำให้มีความได้เปรียบด้านการแข่งขัน เพราะมีความสามารถในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรายละเอียดให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ โดยประเมินราคาเหมาะสมที่ 25 บาท อิง P/E ที่ 26.8 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่มีธุรกิจใกล้เคียงกัน ประเมินกำไรสุทธิปีนี้ที่ 111 ล้านบาท ปี 67 ที่ 149 ล้านบาท และปี 68 ที่ 191 ล้านบาท

ขณะที่ บทวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ประเมินราคาเหมาะสมที่ 25 บาทเช่นกัน อิง Forward P/E ที่ 37 เท่า ซึ่งเป็นระดับเดียวกับอุตสาหกรรม คาดกำไรสุทธิของ SRS จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 38% ต่อปี (2565-68) โดยปี 66 คาดว่าจะทำได้ 108 ล้านบาท ปี 67 ทำได้ 169 ล้านบาท และปี 68 ที่176 ล้านบาท

ส่วน บทวิเคราะห์ บล.บียอนด์ ประเมินราคาเหมาะสมที่ 24 บาท ระบุว่า SRS อยู่ในอุตสาหกรรมที่เป็นเทรนด์ในอนาคต มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดกำไรสุทธิปี 66-68 เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 35% คาดปีนี้ทำได้ 108 ล้านบาท ปี 67 ทำได้ 135 ล้านบาท และปี 68 ทำได้ 163 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือ 1.งานพัฒนาแอปพลิเคชั่นโมบายแบงก์กิ้งสำหรับลูกค้ากลุ่มธนาคาร 2.การขายฐานลูกค้าไปยังธุรกิจ SMEs และ 3.การขยายตัวของซอฟต์แวร์ระบบรักษาความปลอดภัย (Cybersecurity)