![คอลัม โลกธุรกิจ ส่องโลกธุรกิจอาหารลดความอ.jpg](https://www.share2trade.com/storage/Coloum/%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88/%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%A1%20%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%20%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AD.jpg)
ประมาณการกันว่ามูลค่าตลาดธุรกิจอาหารลดความอ้วนในโลกในปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 1,209.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยข้อมูลนี้มาจากรายงานของ Grand View Research ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดระดับโลก รายงานดังกล่าวระบุว่า ตลาดอาหารลดความอ้วนมีการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 5.4% ในช่วงปี 2566-2571
ปัจจัยหลักที่ผลักดันการเติบโตของตลาดอาหารลดความอ้วน ได้แก่ ความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพและรูปร่าง, นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ, การเข้าถึงข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับสุขภาพและการออกกำลังกาย
โครงสร้างตลาดธุรกิจอาหารลดความอ้วนแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่
อาหารทดแทนมื้ออาหาร : เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีมูลค่าตลาดประมาณ 480 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อาหารที่มีโปรตีนสูง : เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าตลาดรองลงมา มีมูลค่าตลาดประมาณ 240 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อาหารที่มีไฟเบอร์สูง : เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าตลาดน้อยที่สุด มีมูลค่าตลาดประมาณ 180 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ผลิตภัณฑ์อื่นๆ : เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าตลาดน้อยที่สุด มีมูลค่าตลาดประมาณ 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เจ้าตลาดอันดับหนึ่งของโลกธุรกิจอาหารลดความอ้วน ได้แก่ บริษัท Nestle Health Science ในฐานะแผนกหนึ่งของ Nestle SA ซึ่งเป็นผู้พัฒนาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารลดความอ้วนภายใต้แบรนด์ "Slimfast" (สลิมฟาสท์) ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2559 เป็น 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 การเติบโตนี้เป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงการเติบโตของตลาดอาหารลดความอ้วน ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์อาหารลดความอ้วนที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และกลยุทธ์ทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย
ทั้งนี้ความสำเร็จเกิดจากการวางกลยุทธ์การเติบโตทางธุรกิจที่เฉพาะเจาะจงดังต่อไปนี้ การขยายตลาดไปยังประเทศใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตลาดอเมริกาใต้ ตลาดเหล่านี้มีประชากรจำนวนมากและกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีในการขยายธุรกิจ
อย่างไรก็ดีธุรกิจอาหารลดความอ้วนก็มีความท้าทายที่ต้องเผชิญหลายประการ ทั้งเกิดจากปัจจัยเรื่องคุณภาพซึ่งเป็นธรรมดาที่ผลิตภัณฑ์อาหารลดความอ้วนอาจมีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักในระยะสั้น แต่อาจไม่สามารถรักษาน้ำหนักที่ลดลงได้ในระยะยาว นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์อาหารลดความอ้วนบางชนิดอาจส่งผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก เป็นต้น อีกทั้งในแง่ความปลอดภัยผลิตภัณฑ์อาหารลดความอ้วนบางชนิดอาจไม่ปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคบางกลุ่ม เช่น เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ เป็นต้น นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์อาหารลดความอ้วนบางชนิดอาจได้รับอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแล แต่อาจมีการโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัย
แม้จะจุดที่ต้องระมัดระวังก็ตาม สำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่แล้วโอกาสของธุรกิจอาหารลดความอ้วนในอนาคตยังน่าสนใจอยู่ โดยจำเป็นต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยอยู่เสมอ ควบคู่ไปกับการสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือ เพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในระยะยาว