บมจ. เดนทัล คอร์ปอเรชั่น หรือชื่อย่อในกระดานหุ้นว่า D หนึ่งในผู้นำด้านทันตกรรมแบบครบวงจร ยังคงน่าสนใจ 3 บริษัทวิเคราะห์หลักทรัพย์ แนะนำทยอยซื้อสะสม ให้ราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐาน 8.70 - 10.71 บาท ยังมีส่วนต่างพอสมควรจากราคา ณ ปัจจุบัน ทั้งนี้คาดกำไรปี 66 เติบโตกว่า 50% แนวโน้มธุรกิจยังเติบโตต่อเนื่อง จากจำนวนลูกค้าต่างชาติเข้าใช้บริการเพิ่มสูง ตามกระแสการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย โบรกเกอร์ที่ให้ราคาเป้าหมายที่ 10.71 บาท โดยระบุว่า ภาพผลการดำเนินงานโดยรวมของบริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นไปในเชิงบวก จากการให้ข้อมูลของผู้บริหาร ในงาน "บริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน Opportunity Day" ยังคงเป้าการเติบโตของรายได้ปี 2566 ไว้ที่ 15-20% และอัตรากำไรสุทธิที่ 8-10% จากปัจจัยสำคัญ เป้าธุรกิจของผู้บริหารปี 2566 ดูเหมือนจะเป็นขาขึ้น เป้ารายได้ในกรณีดีที่สุดของปี 2566 อยู่ที่ 20% สูงกว่าที่ บล.กสิกรไทย คาดการณ์ที่ 17.6% ขณะที่เป้าอัตรากำไรสุทธิที่ 10% นั้นสูงกว่าที่โบรกฯ ได้ประมาณการ 8.9% ส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ของ บล.กสิกรไทย ที่ 86 ล้านบาท ซึ่งยังต่ำกว่าสมมติฐานกำไรของบริษัทอยู่ 14%
โดยยังคงมุมมองที่คาดว่ารายได้และกำไรในครึ่งหลังของปี 2566 จะเร่งตัวขึ้นจากครึ่งปีแรก เนื่องจากไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และจำนวนนักท่องเที่ยวจีนคาดว่าจะเพิ่มขึ้น ซึ่งตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน จึงคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิในปี 2566 จะเติบโตขึ้น 49%จากปีก่อน
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมสิ้นปี 2567 ไว้ที่ 10.30 บาท อิงค่าพี/อี เรโชที่ 36 เท่า ใกล้เคียงกับ พี/อี ของ D ในช่วงปกติที่ไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยคาดว่าในปี 2566 จะมีกำไรสุทธิ 90 ล้านบาท โตจากปีก่อน 56.9% จากประเด็นสำคัญ คือ รายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 976 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19.8% จากปีก่อน มีจำนวนผู้เข้ารับบริการเพิ่มขึ้น ทั้งจากลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะลูกค้าต่างชาติที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งจะเข้ามาใช้บริการผ่าน โรงพยาบาลทันตกรรม กรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล (BIDH) และคลินิกที่อยู่แหล่งท่องเที่ยว
ทั้งนี้ แนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 35.6%จากปีก่อนที่ระดับ 32.7% เนื่องจากรายได้จากลุ่มลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยคาดกำไรขั้นต้นในส่วนของงานบริการด้านทันตกรรมอยู่ที่ระดับ 39% และอัตรากำไรขั้นต้นจากการจำหน่ายวัสดุและอุปกรณ์ทันตกรรมอยู่ที่ระดับ 25%
ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก ให้คำแนะนำซื้อ ด้วยราคาเหมาะสมปี 2567 ที่ 8.70 บาท มองว่าภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น จากปีที่ผ่านมา และกระแสการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่ช่วยสนับสนุนรายได้ โดยคาดว่าปี 2566 จะมีรายได้จากการให้บริการและการขายราว 968 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19%จากปีก่อน และขยับเป็น 1,070 ล้านบาทในปี 2567 โต 11%จากปีก่อน และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2566 ที่ 89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% จากปีก่อน และเพิ่มเป็น 100 ล้านบาทในปี 2567 หรือโต 12% จากปีก่อน
ทั้้งนี้้ราคาหุ้น D ปิดตลาด ณ วันที่ 11 ตุลาคม 2566 อยู่ที่ 5.50 บาท/หุ้น
บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย โบรกเกอร์ที่ให้ราคาเป้าหมายที่ 10.71 บาท โดยระบุว่า ภาพผลการดำเนินงานโดยรวมของบริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นไปในเชิงบวก จากการให้ข้อมูลของผู้บริหาร ในงาน "บริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน Opportunity Day" ยังคงเป้าการเติบโตของรายได้ปี 2566 ไว้ที่ 15-20% และอัตรากำไรสุทธิที่ 8-10% จากปัจจัยสำคัญ เป้าธุรกิจของผู้บริหารปี 2566 ดูเหมือนจะเป็นขาขึ้น เป้ารายได้ในกรณีดีที่สุดของปี 2566 อยู่ที่ 20% สูงกว่าที่ บล.กสิกรไทย คาดการณ์ที่ 17.6% ขณะที่เป้าอัตรากำไรสุทธิที่ 10% นั้นสูงกว่าที่โบรกฯ ได้ประมาณการ 8.9% ส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ของ บล.กสิกรไทย ที่ 86 ล้านบาท ซึ่งยังต่ำกว่าสมมติฐานกำไรของบริษัทอยู่ 14%
โดยยังคงมุมมองที่คาดว่ารายได้และกำไรในครึ่งหลังของปี 2566 จะเร่งตัวขึ้นจากครึ่งปีแรก เนื่องจากไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และจำนวนนักท่องเที่ยวจีนคาดว่าจะเพิ่มขึ้น ซึ่งตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน จึงคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิในปี 2566 จะเติบโตขึ้น 49%จากปีก่อน
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมสิ้นปี 2567 ไว้ที่ 10.30 บาท อิงค่าพี/อี เรโชที่ 36 เท่า ใกล้เคียงกับ พี/อี ของ D ในช่วงปกติที่ไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยคาดว่าในปี 2566 จะมีกำไรสุทธิ 90 ล้านบาท โตจากปีก่อน 56.9% จากประเด็นสำคัญ คือ รายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 976 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19.8% จากปีก่อน มีจำนวนผู้เข้ารับบริการเพิ่มขึ้น ทั้งจากลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะลูกค้าต่างชาติที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งจะเข้ามาใช้บริการผ่าน โรงพยาบาลทันตกรรม กรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล (BIDH) และคลินิกที่อยู่แหล่งท่องเที่ยว
ทั้งนี้ แนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 35.6%จากปีก่อนที่ระดับ 32.7% เนื่องจากรายได้จากลุ่มลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยคาดกำไรขั้นต้นในส่วนของงานบริการด้านทันตกรรมอยู่ที่ระดับ 39% และอัตรากำไรขั้นต้นจากการจำหน่ายวัสดุและอุปกรณ์ทันตกรรมอยู่ที่ระดับ 25%
ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก ให้คำแนะนำซื้อ ด้วยราคาเหมาะสมปี 2567 ที่ 8.70 บาท มองว่าภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น จากปีที่ผ่านมา และกระแสการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่ช่วยสนับสนุนรายได้ โดยคาดว่าปี 2566 จะมีรายได้จากการให้บริการและการขายราว 968 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19%จากปีก่อน และขยับเป็น 1,070 ล้านบาทในปี 2567 โต 11%จากปีก่อน และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2566 ที่ 89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% จากปีก่อน และเพิ่มเป็น 100 ล้านบาทในปี 2567 หรือโต 12% จากปีก่อน
โบรกเกอร์ | ราคาเป้าหมาย |
บล.กสิกรไทย | 10.71 บาท |
บล.เอเอสแอล | 10.30 บาท |
บล.โกลเบล็ก | 8.70 บาท |
ทั้้งนี้้ราคาหุ้น D ปิดตลาด ณ วันที่ 11 ตุลาคม 2566 อยู่ที่ 5.50 บาท/หุ้น
ยอดนิยม

VIH ซื้อหุ้นคืน 26.66 ล้านหุ้น ใช้เงินสดส่วนเกิน ยืนยันไม่เกี่ยวเงินเพิ่มทุน สาเหตุราคาหุ้นไม่สะท้อนปัจจัยพื้นฐาน ตั้งเป้าทำนิวไฮใหม่ปีนี้

13 มีนาคมนี้!!! ผู้ถือหุ้น MC รับเงินปันผลบานฉ่ำ !!!
.jpg)
“นิปปอนเพนต์” ก้าวล้ำวงการสีด้วยพลัง AI! ส่งสุดยอดแพ็กคู่โซลูชัน “น้องนิปปอน” และ “Colour Design”

เบเยอร์ เขย่าวงการธุรกิจสีทาอาคาร สำเร็จเจ้าแรก! ใช้เทคโนโลยีล้ำ AI OCR อ่านบิลเขียนมือได้ รันแคมเปญใหญ่ "ลดเดือดรับ Summer แจกไม่ยั้ง!"
