จิปาถะ

เบื้องหน้า แจกเงิน หนึ่งหมื่น กับพลังหนุน ภายในรัฐบาล


16 ตุลาคม 2566

สัญญาณจาก นายเศรษฐา ทวีสิน ในห้วงแห่งการเดินทางไปอยู่ในท่ามกลางประชาชนที่นครสวรรค์ เด่นชัดอย่างยิ่งว่าเป็นการยืนยันที่จะเดินหน้า “โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท” ต่อเนื่อง

เบื้องหน้า แจกเงิน หนึ่งหมื่น.jpg

ขณะเดียวกัน ความต่อเนื่องนี้เรียกร้อง “กำลังใจ” เรียกร้องท่าทีและน้ำเสียงที่เชื่อมั่นและหนุนเสริม

มิได้เรียกร้องต่อ “ประชาชน” กว้างๆหากแต่เน้นถึง “นักธุรกิจ”

เป็นการเรียกร้องบนพื้นฐานแห่งความเป็นจริงที่ตลอด 1 เดือนแห่งการบริหาร ภายหลังการแถลงนโยบายในที่ประชุมรัฐสภาและลงมือทำอย่างจริงจัง

ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการปรับลดราคาพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่ของน้ำมัน ไม่ว่าในพื้นที่ของไฟฟ้า อันเท่ากับเป็นการสร้างปัจจัยให้ไม่เพียงแต่ต่อประชาชนหากแต่ยังต่อธุรกิจอุตสาหกรรม

ผลงานในห้วง 1 เดือนของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ที่กระทำตามคำแถลงได้ก่อให้เกิดความรู้สึกจากการสรุปของพรรคเพื่อไทย ในลักษณะเหมือนกับบริหารมาแล้วเป็น 1 ปี

ในอีกด้านหนึ่ง นายเศรษฐา ทวีสิน จึงเรียกร้องต้องการผลสำเร็จนี้ให้ปรากฏขึ้นในลักษณะเป็นพลังสร้างแรงสะเทือน

เท่ากับเรียกร้องการสนับสนุนให้ออกมาอย่างเป็นรูปธรรม

น่าเชื่อว่า นายเศรษฐา ทวีสิน อาจต้องการรูปธรรมแห่งการสนับสนุนอย่างที่เห็น เมื่อเดือนทางไปตรวจเยี่ยมประชาชนที่ร้อยเอ็ด อันเป็นฐานใหญ่ทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย

นั่นก็คือภาพของประชาชนที่มารวมกันอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจ เดียวกันพร้อมกับป้ายผ้าอยากได้โครงการดิจิทัลวอลเล็ต

อาจเป็นเพราะองค์ประกอบของรัฐบาลที่ได้มาจากการลงมติ จำนวน 482 เสียงในที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม มิได้จำกัดเพียง 141 เสียงของพรรคเพื่อไทย

ตรงกันข้าม ยังมาจากทั้งหมดของพรรคภูมิใจไทย ทั้งหมดของพรรคพลังประชารัฐ ทั้งหมดของพรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้งหมดของพรรคชาติไทยพัฒนา

การส่ง “สาร” นี้ของนายเศรษฐา ทวีสิน จึงมิได้ส่งไปยังพรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียว หากแต่เรียกร้องจากทุกแรงสนับสนุน

ต้องยอมรับว่ากระแส “ต้าน” ต่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ในขณะนี้มิได้มีเพียงจากพรรคก้าวไกลเท่านั้น หากแต่มาจากกลุ่มนักวิชาการและนักธุรกิจจำนวนหนึ่ง

ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร “ธนาคารกลาง” หรือ “อาจารย์”

ภายในกระแส “ต้าน” สะท้อนไปไกลถึงการเคลื่อนไหวก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 ก่อนรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 เหมือนกับจะเป็นการวนกลับไปยังจุดเดิม

ทั้งๆที่นับแต่วันที่ 22 สิงหาคมได้เกิด “รัฐบาลพิเศษ” บนฐานแห่งการก้าวข้าม “ความขัดแย้ง” มาแล้ว

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7917015