จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : LEO ยังแกร่ง 2H66 ฟื้นตัว อานิสงส์ “ค่าขนส่ง - non freight” โต
17 ตุลาคม 2566
กลยุทธ์การขยายธุรกิจไปในส่วนของการให้บริการโลจิสติกส์และ ธุรกิจ non freight ของบมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) ส่งผลดีต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของรายได้และกำไร ซึ่ง บล. ASL ระบุบริษัทยังสามารถรักษามาร์จิ้นได้ดีขึ้นแม้ในช่วงที่ราคาขนส่งลดลง จึงแนะนำหาจังหวะทยอย “ซื้อ”
บล.ASL วิเคราะห์หุ้น บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) โดยระบุว่า LEO ประกาศงบ 2Q66 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 19 ล้านบาท (0.06 บาทต่อหุ้น) ลดลง -81.2%YoY และลดลง -2.3%QoQ โดยกำไรที่ลดลงอย่างมากเป็นผลจากที่ปริมาณและราคาค่าขนส่งหดตัวลงตามอุปสงค์ที่อ่อนตัวหลังสถานการณ์โควิด-19 ได้คลี่คลายตัวลง
ขณะที่ธุรกิจบริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรกับธุรกิจให้เช่าพื้นที่รับฝากสินค้ามีรายได้ในช่วง 2Q66 รวมกันอยู่ที่ 69.5 ล้านบาท (+9.5%YoY และ +25.7%QoQ)
ดังนั้น งบ 2Q66 แม้หดตัวอยู่เมื่อเทียบรายปีจากผลกระทบที่ปริมาณขนส่งและราคาค่าขนส่งหดตัวลง แต่แนวโน้ม 2Q66 เริ่มมีสัญญาณการหดตัวที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบรายไตรมาส โดยเฉพาะหากเทียบกับการหดตัวในช่วง 3 ไตรมาสก่อนหน้า
ซึ่งเราจึงคาดว่าอัตราค่าขนส่งจะฟื้นตัวตามและไม่น่ามีค่าเฉลี่ยต่ำกว่าในช่วงครึ่งปีแรก นอกจากนี้ LEO จะมีปัจจัยหนุนจากโครงการใหม่ที่เตรียม COD อีกกว่า 5 โครงการ และเป็นธุรกิจ non freight
และหุ้น LEO ราคาปรับตัวลงมากว่า -48%YTD สะท้อนภาพปัจจัยลบไปพอสมควร หลังรายได้ธุรกิจได้รับผลกระทบจากปริมาณขนส่งและราคาขนส่งที่ปรับตัวลงอย่างมากในช่วงที่สถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย อย่างไรก็ตาม ปริมาณขนส่งเริ่มฟื้นใน 2Q66 สะท้อนว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวเข้าสู่ภาวะปกติขณะที่ราคาขนส่งคาดว่าจะค่อยๆทยอยฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้เรามองว่าบริษัทฯ คงสามารถรักษามาร์จิ้นได้ดีขึ้นแม้ในช่วงที่ราคาขนส่งลดลง ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถคงทำกำไรจากธุรกิจขนส่ง
นอกจากนี้ธุรกิจ non-freight จะเป็นตัวหนุนในปี 67 เราจึงมองว่า รายได้และกำไรมีโอกาสทยอยฟื้นตัวช่วง 2H66 ถึง ปี 2567 เราคงแนะนำ หาจังหวะทยอยเข้า “ซื้อ” โดยให้ ราคา 12 เดือนล่วงหน้าที่ 7.5 บาท อิงForward PE ที่ 18 เท่า
ขณะที่นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารLEO กล่าวว่าในช่วงQ3 และQ4 รายได้และกำไรขั้นต้นจากธุรกิจ Non-Freight จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะจะมีรายได้ที่เข้ามาจากธุรกิจLEO Sourcing & Supply Chain และYJC Depot ที่เริ่มมีลูกค้าทยอยเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น และจะช่วยให้บริษัทรักษาระดับการทำกำไรขั้นต้นและผลประกอบการให้เหมาะสม
นอกจากนี้ บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากการขนส่งสินค้าทางราง รวมถึงรับรู้รายได้และกำไรจากโครงการJV และM&A ใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นใน Q3-Q4 นี้ เพื่อเพิ่มรายได้และกำไรจากการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง
บล.ASL วิเคราะห์หุ้น บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) โดยระบุว่า LEO ประกาศงบ 2Q66 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 19 ล้านบาท (0.06 บาทต่อหุ้น) ลดลง -81.2%YoY และลดลง -2.3%QoQ โดยกำไรที่ลดลงอย่างมากเป็นผลจากที่ปริมาณและราคาค่าขนส่งหดตัวลงตามอุปสงค์ที่อ่อนตัวหลังสถานการณ์โควิด-19 ได้คลี่คลายตัวลง
ขณะที่ธุรกิจบริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรกับธุรกิจให้เช่าพื้นที่รับฝากสินค้ามีรายได้ในช่วง 2Q66 รวมกันอยู่ที่ 69.5 ล้านบาท (+9.5%YoY และ +25.7%QoQ)
ดังนั้น งบ 2Q66 แม้หดตัวอยู่เมื่อเทียบรายปีจากผลกระทบที่ปริมาณขนส่งและราคาค่าขนส่งหดตัวลง แต่แนวโน้ม 2Q66 เริ่มมีสัญญาณการหดตัวที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบรายไตรมาส โดยเฉพาะหากเทียบกับการหดตัวในช่วง 3 ไตรมาสก่อนหน้า
ซึ่งเราจึงคาดว่าอัตราค่าขนส่งจะฟื้นตัวตามและไม่น่ามีค่าเฉลี่ยต่ำกว่าในช่วงครึ่งปีแรก นอกจากนี้ LEO จะมีปัจจัยหนุนจากโครงการใหม่ที่เตรียม COD อีกกว่า 5 โครงการ และเป็นธุรกิจ non freight
และหุ้น LEO ราคาปรับตัวลงมากว่า -48%YTD สะท้อนภาพปัจจัยลบไปพอสมควร หลังรายได้ธุรกิจได้รับผลกระทบจากปริมาณขนส่งและราคาขนส่งที่ปรับตัวลงอย่างมากในช่วงที่สถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย อย่างไรก็ตาม ปริมาณขนส่งเริ่มฟื้นใน 2Q66 สะท้อนว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวเข้าสู่ภาวะปกติขณะที่ราคาขนส่งคาดว่าจะค่อยๆทยอยฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้เรามองว่าบริษัทฯ คงสามารถรักษามาร์จิ้นได้ดีขึ้นแม้ในช่วงที่ราคาขนส่งลดลง ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถคงทำกำไรจากธุรกิจขนส่ง
นอกจากนี้ธุรกิจ non-freight จะเป็นตัวหนุนในปี 67 เราจึงมองว่า รายได้และกำไรมีโอกาสทยอยฟื้นตัวช่วง 2H66 ถึง ปี 2567 เราคงแนะนำ หาจังหวะทยอยเข้า “ซื้อ” โดยให้ ราคา 12 เดือนล่วงหน้าที่ 7.5 บาท อิงForward PE ที่ 18 เท่า
ขณะที่นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารLEO กล่าวว่าในช่วงQ3 และQ4 รายได้และกำไรขั้นต้นจากธุรกิจ Non-Freight จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะจะมีรายได้ที่เข้ามาจากธุรกิจLEO Sourcing & Supply Chain และYJC Depot ที่เริ่มมีลูกค้าทยอยเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น และจะช่วยให้บริษัทรักษาระดับการทำกำไรขั้นต้นและผลประกอบการให้เหมาะสม
นอกจากนี้ บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากการขนส่งสินค้าทางราง รวมถึงรับรู้รายได้และกำไรจากโครงการJV และM&A ใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นใน Q3-Q4 นี้ เพื่อเพิ่มรายได้และกำไรจากการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง