ETC ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ในรูปแบบ FiT 10 โครงการ

บมจ. เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ หรือ ETC เปิดเผยว่า การลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement PPA) ขอผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) จำนวน 10 โครงการ โดยบริษัทย่อยของ บริษัท เก็ท กรีน พาวเวอร์ จํากัด (“GGP”) ซึ่งมีสถานะเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของ ETC ได้ผ่าน การคัดเลือกผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) จํานวน 10 บริษัท ขนาดกําลัง การผลิตไฟฟ้าตามสัญญาจํานวน 8 เมกะวัตต์ ต่อโครงการ รวมทั้งสิ้น 80 เมกะวัตต์ (1 บริษัทย่อย : 1 โครงการ : 8เมกะวัตต์)



นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 บริษัทย่อยทางอ้อมทั้ง 10 บริษัท ได้ลงนาม ซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement PPA) กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งเป็นคู่สัญญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ สัญญาดังกล่าวมีระยะเวลา 20 ปี นับจากวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ มีอัตราค่าไฟฟ้าแบบคงที่ 6.08 บาท ต่อกิโลวัตต์ - ชั่วโมง และได้รับค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่มอีก 0.70 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง สําหรับช่วง 8 ปีแรกของการดําเนินงาน โดยโครงการทั้งหมดมีกําหนดเปิดดําเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2569

ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าของ บริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จํากัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ จัดตั้งขึ้นเพื่อ สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ด้วยการใช้เทคโนโลยีผลิตไฟฟ้าที่ทันสมัย และดูแลสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับนโยบาย ของทางภาครัฐในการแก้ไขปัญหาขยะอุตสาหกรรมให้แก่ประเทศ รวมทั้งไม่สร้างมลภาวะให้สิ่งแวดล้อม โดยลดปริมาณ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดปริมาณของเสียจากกระบวนการผลิต การนําขยะมาเปลี่ยนเป็ นพลังงาน เป็นอีกโอกาสสําคัญที่ทําให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน และสอดรับกับนโยบายของทางภาครัฐเรื่อง Bio-Circular-Green Economy หรือ BCG

บริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านโรงฟ้าขยะแบบครบวงจร คือ มีโรงไฟฟ้าพลังงานขยะอุตสาหกรรม 3 แห่งคือ ที่จังหวัดสระบุรี พระนครศรีอยุธยา และพิจิตร รวมกำลังการผลิต 20.4 เมกะวัตต์ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 16.5 เมกะวัตต์ กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ระยะเวลา 20 ปี โดย ETC เป็น บริษัทในกลุ่มเบตเตอร์เวิลด์ กรีน (BWG)  ซึ่งเป็นกลุ่มผู้รับบริหารกำจัดกากอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และมีโรงงานผลิตขยะอัดก้อน (RDF) ที่มีกำลังการผลิตประมาณ 500,000 ตันต่อปีทำให้ ETC มีความมั่นคงด้านเชื้อเพลิง รวมถึงข้อได้เปรียบด้านคุณภาพ และต้นทุนเชื้อเพลิงอีกด้วย