โบรกฯ แนะทำใจให้ร่ม! ถือเงินสด สงครามอิสราเอล-บอนด์ ยิลด์ กดดัน

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (19 ต.ค.)  คาดดัชนีฯ ยังแกว่งตัวในกรอบแคบ สงครามอิสราเอล + Bond Yield สหรัฐ ยังกดดันตลาด งบ Q3 คาดจะออกมาไม่ดี



ต่างประเทศ ความขัดแย้งของอิสราเอลยังมีความไม่แน่นอนสูง กอปรกับ Bond Yield สหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับสูง จึงทำให้ภาพตลาดโดยรวมยังถูกกดดันไว้อยู่

จีน ถึงแม้ตัวเลข GDP วานนี้(18) จะออกมาขยายตัว แต่ภาคอสังหาฯ ของจีนยังคงมีปัญหา จับตาการจ่ายดอกเบี้ยของ Country Garden

นายกฯ ไปเยือนจีน พร้อมผู้นำอีกหลายประเทศ ได้หารือเกี่ยวกับภาคการลงทุน ดีต่อเศรษฐกิจ นิคมอุตสาหกรรม และภาคการท่องเที่ยว

ตลาดหุ้นไทยยังถูกถ่วงจากการรายงานผลประกอบการ Q3-23 ที่คาดว่าจะออกมาไม่ดี ยกเว้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งอาจจะทำให้เข้าเก็งกำไรได้เฉพาะกลุ่มเท่านั้น 

นักลงทุนต่างชาติยังอยู่ในฝั่งขาย หลัก ๆ มาจากมุมมองทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ดี แต่วานนี้มีการซื้อกลับเข้ามาหลัง 2.7 พันล้านบาท (คาดมาจากกองทุนฯบางแห่ง เข้ามาซื้อหุ้น)

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯ

#Strategy
ตลาดอิงบนความเสี่ยงในเรื่องอิสราเอล และผลประกอบการ 3Q ที่คาดว่าส่วนใหญ่จะออกมาไม่ดีนัก จากเศรษฐกิจไทย+โลกที่ชะลอตัว เรายังแนะนำให้ถือเงินสดให้มากไว้ก่อน เน้น trading  สลับเล่นหุ้นรายวัน

เรายังคงรอจังหวะเข้าซื้อหุ้นที่ราคาลงมามาก พื้นฐานดี SCGP, IVL, BH, BDMS ขณะที่หุ้นที่จ่ายปันผลดี ยังคงเป็น PTT, SPALI, DMT

หุ้น PTTEP และโรงกลั่นน้ำมัน น่าจะยังเก็งกำไรได้ แต่ความผันผวนจะสูงตามสถานการณ์ตะวันออกกลาง

หุ้นอิงกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน เราเลือก PSL, HANA, KCE, NER , AOT

เราต้องตัดหุ้นกลุ่มค้าปลีก+ non bank ออกเพื่อลดความเสี่ยงจากความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจและผลประกอบการ และนำหุ้นที่เสี่ยงต่ำอย่าง BEM และหุ้นอิงจีน (KCE) เข้ามาวางแทน ระดับเงินสด เพิ่มเป็น 70% 

พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำ CPALL, GLOBAL, CRC  ออก และนำ BEM, KCE เข้ามาแทน พอร์ตหุ้นประกอบไปด้วย BEM(10%), KCE(10%), SCB(10%)