Wealth Sharing

SCL เคาะราคา IPO 1.54 บ./หุ้น จองซื้อ 25 - 27 ต.ค.นี้


20 ตุลาคม 2566
SCL เคาะราคาขาย IPO ที่หุ้นละ 1.54 บาท ประกาศแต่งตั้ง บล. ฟินันเซีย เป็น Lead-Underwriter พร้อม Co-Underwriter 4 แห่ง เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อวันที่ 25 - 27 ต.ค.นี้ โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับการเติบโต และชำระคืนเงินกู้ เพื่อลดภาระดอกเบี้ยจ่ายเสริมความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน มั่นใจผลตอบรับดี จากปัจจัยพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง เป็นหนึ่งในตัวแทนจำหน่ายอะไหล่รายใหญ่ของประเทศด้วยประสบการณ์ที่คร่ำหวอดในวงการอะไหล่รถยนต์มาเกือบ 6 ทศวรรษ คาดเทรด mai 1 พ.ย. นี้ 

SCL เคาะราคา IPO.jpg

โดย บริษัท เอส.ซี.แอล.มอเตอร์ พาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SCL เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 70,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 28% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ ได้แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย พร้อมแต่งตั้ง ผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน อีก 4 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ,  บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด 

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) 
ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เปิดเผยว่า บริษัท เอส.ซี.แอล.มอเตอร์ พาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SCL ได้กำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่ 1.54 บาทต่อหุ้น เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อในวันที่ 25-27 ตุลาคม 2566 และคาดว่า SCL จะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจ สินค้าอุตสาหกรรม (INDUS) ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ในชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า "SCL"  

สำหรับราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 1.54 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) ที่ประมาณ 13.45 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ถึง วันที่ 30 มิถุนายน 2566) มั่นใจว่า ภายหลังเสนอขายหุ้น IPO และเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการขยายธุรกิจ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายครอบคลุมทุกชิ้นส่วนของรถยนต์ทั้งที่เป็นชิ้นส่วนอะไหล่ของค่ายรถยนต์ต่างๆ ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยอย่างครบถ้วน เช่น ISUZU, MITSUBISHI, TOYOTA, HONDA, FORD, NISSAN รวมถึงอะไหล่รถยนต์ทดแทนที่ได้มาตรฐานของผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ที่ได้รับการยอมรับ เช่น AISIN, KAYABA, DENSO  
ด้วยจุดเด่นที่น่าสนใจของ SCL ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์อย่างครบวงจร ที่พร้อมเติบโตไปกับจำนวนรถยนต์สะสมของประเทศ ซึ่งมีความต้องการชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์เพื่อการทดแทนชิ้นส่วนยานยนต์ที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน หรือที่เกิดความสึกหรอตามระยะทางการใช้งาน ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรถยนต์ที่มีอายุมากกว่า 5 ปีขึ้นไปที่จะมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอะไหล่และชิ้นส่วนฯ เฉลี่ยสูงกว่ารถยนต์ที่มีอายุการใช้งานน้อยกว่า 5 ปีถึง 35%

นายสกล ตั้งก่อสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส.ซี.แอล.มอเตอร์ พาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SCL  เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายการเติบโต และยกระดับองค์กรสู่ความเป็นมืออาชีพ ในฐานะหนึ่งในผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจมากว่า 58 ปี  โดยเป็นหนึ่งในตัวแทนจำหน่ายอะไหล่รายใหญ่ของ ISUZU การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในครั้งนี้ จึงเป็นหมุดหมายที่สำคัญที่จะช่วยสร้างการเติบโตและเสริมความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน ในการก้าวเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายอะไหล่ยานยนต์ที่ได้มาตรฐานอย่างครบวงจร โดยเงินระดมทุนที่ได้จำนวนประมาณ 107.80 ล้านบาท  จะนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ยืม จำนวน 50 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานเพื่อช่วยเสริมสร้างการเติบโต 

สำหรับโครงการในอนาคตของ SCL เตรียมก่อสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่พื้นที่คลังสินค้าประมาณ 2,000 ตร.ม. เพื่อรองรับการจัดเก็บสินค้าได้เพิ่มขึ้น 50% โดยคาดว่าการก่อสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่จะเริ่มในปี 2567-2568 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2568-2569 ช่วยสนับสนุนการให้บริการลูกค้าที่สะดวกและรวดเร็วขึ้น รวมถึงรองรับการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต 

ทั้งนี้ SCL เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ครบวงจร สำหรับตลาดผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์เพื่อการทดแทน (Replacement Equipment Manufacturer: REM) มีผลิตภัณฑ์อะไหล่ มากกว่า 167,000 รายการ ครอบคลุมหลากหลายค่ายรถยนต์ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเป็นผู้จัดจำหน่ายอะไหล่ทดแทนที่ได้มาตรฐานของผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ที่ได้รับการยอมรับ พร้อมตอบโจทย์ลูกค้าทั่วประเทศ ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากกว่า 1,600 ราย 
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังวางกลยุทธ์ มุ่งมั่นในการสรรหาผลิตภัณฑ์และบริการที่ทันสมัยที่เหมาะสมกับอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างต่อเนื่อง โดยการมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ทดแทนมากยิ่งขึ้น รวมถึง การขยายช่องทางออนไลน์ ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูง สอดรับเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัล และเพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจ บริษัทฯ ได้ขยายขอบเขตของกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่จัดจำหน่ายไปยังชิ้นส่วนอะไหล่ของยานพาหนะชนิดอื่น และล่าสุดได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว (Sole Distributor) อะไหล่รถเพื่อการเกษตรของ CLASS ในประเทศไทย และยังไม่หยุดนิ่งในการขยายฐานลูกค้าเพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค 

ในด้านภาพรวมผลประกอบการ 3 ปีที่ผ่านมา (ในปี 2563 – 2565) SCL มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 1,224.27 ล้านบาท 1,256.85 ล้านบาท และ 1,352.61 ล้านบาท ตามลำดับ มีกำไรสุทธิ 22.03 ล้านบาท 27.32 ล้านบาท  และ 39.91 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ ผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้จากการขาย 738.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.91% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 11.78 ล้านบาท
SCL