จิปาถะ

ถนนสายการเมืองของ "อุ๊งอิ๊ง" ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย


26 ตุลาคม 2566

ชื่อของ “แพรทองธาร ชินวัตร” หรือ “อุ๊งอิ๊ง” กลายเป็นชื่อที่ประชาชนคนไทยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงการเลือกตั้งทั่วไป 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งคนทั่วไปจะเห็นภาพของอุ๊งอิ๊งกับท้องใหญ่ๆ ของเธอ เดินทางไปทั่วประเทศเพื่อหาเสียงช่วยพรรคเพื่อไทย จนเธอกลายเป็นที่รักของใครหลายคน พร้อมกับเป็นผู้จุดประกาย “กระแสมินต์ช็อก” ให้โด่งดังทั่วบ้านทั่วเมือง 

ถนนสายการเมืองของ อุ๊งอิ๊ง.jpg

เดินทางมาถึงช่วงเวลาหลังเลือกตั้ง ก็กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นอีกครั้งภายในพรรคเพื่อไทย ทำให้ชื่อของแพรทองธารก็ได้รับการพูดถึงอีกครั้ง เมื่อเธอประกาศพร้อมรับตำแหน่ง “หัวหน้าพรรค” แม้หลายฝ่ายจะมองว่าเธอยังอายุน้อยและไร้ประสบการณ์บนเส้นทางสายการเมือง แต่แท้จริงแล้วเธอคนนี้ผ่านสมรภูมิการเมืองไทยมาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ปี

 เปิดเส้นทางการเมืองของแพรทองธาร ตั้งแต่วันที่เธอถูกกล่าวหาว่าโกงข้อสอบเอ็นทรานซ์ สู่การเป็นว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

*ลูกสาวคนสุดท้องของ “ทักษิณ ชินวัตร”
แพรทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง (อุ๊งอิ๊งค์) เป็นลูกสาวคนสุดท้องของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ และโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย จบปริญญาตรีรัฐศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเซอร์เรย์ ประเทศอังกฤษ 

เพราะเป็นลูกสาวของนายกรัฐมนตรี ทำให้แพรทองธารมีชื่อปรากฏอยู่ในพื้นที่สื่อ โดยในช่วงปี พ.ศ.2547 ทักษิณอยู่ในช่วงขาขึ้นทางการเมือง ก็ได้เดินทางไปซื้ออาหารที่ร้านแมคโดนัลด์ สาขาสยามสแควร์ ซึ่งแพรทองธารในวัย 18 ปีไปฝึกงานหาประสบการณ์อยู่ ทำให้สปอตไลท์สาดส่องมาที่ลูกสาวคนเล็กของนายกทักษิณอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

*เแพรทองธารโกงข้อสอบเข้าจุฬาฯ
ดราม่าหนักที่แพรทองธารต้องเผชิญ เริ่มต้นเมื่อเธอต้องการสอบเข้าคณะนิเทศศาสตร์ หลักสูตรภาษาอังกฤษ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งคะแนนของเธอในตอนนั้นยังไม่ผ่านเงื่อนไขของทางคณะ อย่างไรก็ตาม ทางคณะตัดสินใจเปลี่ยนกฎบางอย่าง จึงทำให้เกิดข้อครหาว่าทางคณะจงใจช่วยเหลือแพรทองธาร

ขณะเดียวกันคะแนนสอบเอ็นทรานซ์ของแพรทองธาร ที่ในรอบที่ 1 เธอทำคะแนนได้ 184.25 คะแนน กลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 286.5 คะแนน ในช่วงเวลาเพียง 4 เดือน ทำให้คนตั้งข้อสงสัยว่าการเพิ่มคะแนนของตัวเองให้ได้มากกว่า 100 คะแนนในช่วงเวลาอันนั้นสามารถทำได้จริงหรือ

แพรทองธารถูกกล่าวหาว่าเธอ “ทุจริต” ในการสอบ โดยใช้อำนาจของพ่อ จนต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง แต่สุดท้ายก็หาข้อสรุปไม่ได้ว่ามีข้อสอบรั่วจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม แพรทองธารก็ไม่ได้เข้าคณะนิเทศศาสตร์อย่างที่หวัง เนื่องจากคณะยืนยันให้เงื่อนไขเดิม ทำให้เธอเลือกเรียนคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ แทน

ประเด็นนี้ถูกหยิบยกมาโจมตีแพรทองธารอีกครั้ง ในช่วงการเลือกตั้ง 2566 ซึ่งเธอได้ออกมาชี้แจงประเด็นดราม่าดังกล่าว ระบุว่าเธออ่านหนังสือและเรียนพิเศษอย่างหนักเหมือนกับเด็กนักเรียนคนอื่นๆ

*กระแสต่อต้านพ่อลามมาหาลูก
ในช่วงการเป็นนิสิตจุฬาฯ ของแพรทองธาร คาบเกี่ยวกับช่วงที่มีกระแสต่อต้านการทำงานของรัฐบาลทักษิณ ซึ่งต่อมากลายเป็น “กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ที่มีนักวิชาการหลายคนออกมาโจมตีรัฐบาล และลุกลามมาถึงแพรทองธาร จนถึงขั้นมีการพูดคุยเรื่องการลาออกจากมหาวิทยาลัย แต่เธอยืนยันว่าจะเรียนต่อ กระทั่งเกิดรัฐประหาร ปี 2549 ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของทุกคนในตระกูลชินวัตร

แพรทองธารเป็นคนเดียวที่ตัดสินใจอยู่ประเทศไทย และเรียนจนจบปริญญาตรี อย่างไรก็ตาม เธอเป็นคนเดียวของตระกูลที่ไม่มีคดีเกี่ยวกับการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ เหมือนกับพี่ชายและพี่สาวของเธอ 

แรงกดดันทางการเมืองที่มีต่อแพรทองธารค่อยๆ เบาบางลง เมื่อมีการจัดการเลือกตั้ง ปี 2550 ซึ่งเธอได้เดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ ก่อนจะกลับมารับช่วงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว และแต่งงานในปี 2562 

*แคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทย
ก้าวสำคัญทางการเมืองของแพรทองธาร คือการมีชื่อเป็น 1 ใน 3 “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” ของพรรคเพื่อไทย ร่วมกับเศรษฐา ทวีสิน และชัยเกษม นิติสิริ ทำให้ประชาชนเริ่มคาดหวังว่าจะได้เห็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย โดยในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง แพรทองธารซึ่งกำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่ 2 ก็ได้เดินทางขึ้นเหนือลงใต้พบปะพี่น้องประชาชน และดูเหมือนว่าคะแนนความนิยมของตัวเธอก็ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น 

แต่สุดท้าย เก้าอี้นายกฯ คนที่ 30 ของไทยก็ตกเป็นของเศรษฐา ทวีสิน ขณะที่แพรทองธารเข้ารับตำแหน่ง “รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ” 

และอีกไม่นาน พรรคเพื่อไทยก็กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เมื่อแพรทองธารประกาศพร้อมรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในการประชุมพรรค วันที่ 27 ตุลาคมนี้ ซึ่งหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เราก็คงจะได้เห็นแพรทองธารในบทบาทหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ของประเทศไทยอย่างแน่นอน

ที่มา :  https://www.sanook.com/news/9081210/