Fund / Insurance

บลจ.ไอร่า มุ่งมั่น Private Wealth Management เป้า 3-5 ปี ขยายพอร์ตแตะ 1 หมื่นลบ.


27 ตุลาคม 2566
บลจ.ไอร่า (“AIAM”) เล็งขยายฐานกลุ่ม Private Wealth Management เดินหน้าลุยให้บริการจัดการกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ที่ตอบโจทย์การออกแบบพอร์ตการลงทุนแบบเฉพาะบุคคล พร้อมตั้งเป้า 3-5 ปี ขยายพอร์ตการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศแตะ 10,000 ล้านบาท โดยในปีนี้เรามีมูลค่า Wealth Management สูงสุดที่ 1,500 ล้านบาท โดยใช้กลยุทธ์ผ่าน Partnership รายใหญ่อย่าง ธนาคาร ซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ (SMTB) ตอกย้ำศักยภาพความแข็งแกร่งในการให้บริการ Wealth Management ที่ครอบคลุมทุกมิติของ AIRA GROUP

คอลัมภ์ Fund Insurverse บลจ.ไอร่า มุ่งมั่น Private Wealth Management.jpg

นายมอค สวี เม้ง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไอร่า จำกัด หรือ “AIAM” เปิดเผยว่า ขณะนี้ บลจ.ไอร่า เดินหน้าธุรกิจจัดการกองทุนหลังจากที่ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจจัดการกองทุนส่วนบุคคล และการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่เป็นหน่วยลงทุน ภายใต้การให้บริการจัดการกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) บริการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เป็นหน่วยลงทุน (Selling Agent) การบริหารการลงทุน Private Wealth Management และ Private Banking กับลูกค้ารายบุคคลและลูกค้ารายใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นอกจากนี้ บลจ.ไอร่า ยังมีแผนขยายธุรกิจ Private Fund ให้ครอบคลุมธุรกิจตราสารอนุพันธ์ (Derivative Business) เพื่อตอบโจทย์ภายใต้การออกแบบพอร์ตการลงทุนที่ครบทุกมิติแบบเฉพาะบุคคล โดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้านการลงทุน

 “บลจ.ไอร่า เตรียมขยายการให้บริการในกลุ่มลูกค้า Private Wealth Management ในประเทศเพิ่มขึ้น โดยระยะแรกเจาะกลุ่มลูกค้าระดับ High Net Worth ที่ให้ความสนใจลงทุนเพิ่มในหุ้นกู้อนุพันธ์แฝง (Structured Product) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์คุ้มครองเงินต้นที่ผู้ออกผลิตภัณฑ์ได้รับการจัดอันดับเครดิต Investment grade รวมถึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการลงทุน ซึ่ง บลจ.ไอร่า มีจุดเด่นในด้านความเป็นอิสระในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ ความคล่องตัวในการจัดการระบบภายใน รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบของสัญญาในการจัดการกองทุนสามารถทำได้หลากหลาย รวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างเหมาะสม”   

ส่วนการขยายตลาดต่างประเทศนั้น นายมอค สวี เม้ง กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากกลุ่มลูกค้า High Net Worth แล้ว ทาง บลจ.ไอร่า ยังมองหาโอกาสในการลงทุนเพื่อเพิ่มผลตอบแทนที่ดี จากการเป็นพันธมิตรกับสถาบันการเงินชั้นนำในต่างประเทศของ AIRA GROUP  ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่สนใจเข้ามาแสวงหาโอกาสทางธุรกิจในประเทศไทย โดยเริ่มจากลูกค้าในประเทศญี่ปุ่นผ่านการเป็นพันธมิตรกับธนาคาร ซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ หรือ SMTB ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพและความแข็งแกร่งในการให้บริการ Wealth Management ที่ครอบคลุมการลงทุนมากยิ่งขึ้น 

อย่างไรก็ตาม จากความมุ่งมั่นในการปรับกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มที่มีมูลค่า Wealth Management ขนาดใหญ่ รวมทั้งการเจาะกลุ่มลูกค้าสถาบันที่ให้ความสนใจลงทุนในตลาดต่างประเทศจะเป็นตัวผลักดันการเติบโตของพอร์ต Wealth Management ที่ในปีนี้ทำได้สูงสุดแตะ 1,500 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ล้านบาท ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า

“จุดแข็งของ บลจ.ไอร่า คือ การอยู่ภายใต้ AIRA Group ที่มีความแข็งแกร่งในทุกมิติของการลงทุน รวมถึงบริษัทฯ มีการบริการลูกค้าเป็นอย่างดี ทำให้ลูกค้าที่เป็น High Net Worth ทุกรายล้วนใช้บริการกับบริษัทฯ มาอย่างยาวนาน โดยมีมูลค่า Wealth Management ประมาณ 30 – 50 ล้านบาท นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ก็นำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการทั้งระบบตั้งแต่หน้าบ้านจนถึงหลังบ้าน ทำให้มีความได้เปรียบในการแข่งขัน เมื่อเทียบกับ บลจ.ในประเทศไทยส่วนใหญ่ที่เน้นลงทุนตลาดในประเทศ ขณะที่ บลจ.ไอร่า มุ่งเน้นการลงทุนตลาดต่างประเทศมากกว่า เนื่องจากมองว่าตลาดต่างประเทศมีหลากหลายทางเลือกและมีสีสันในการลงทุน ประกอบกับกลุ่มนักลงทุน High Net Worth ในปัจจุบันเริ่มหันมาลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถสร้างผลตอบแทนสูงกว่าตลาดในประเทศ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เน้นการลงทุนในต่างประเทศ”

กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไอร่า ยังได้ประเมินภาพรวมการลงทุนช่วงที่เหลือของปีนี้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกและตลาดหุ้นชะลอตัว เนื่องจากการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก ในปัจจุบันบริษัทฯ มีมุมมองว่าเศรษฐกิจโลกและตลาดหุ้นกำลังฟื้นตัว เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลง ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ปรับขึ้น ซึ่งทำให้เห็นว่า การลงทุนต่างประเทศได้ผลตอบแทนมากกว่า และเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ บริษัทฯ มีมุมมองว่ารัฐบาลไทยชุดใหม่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศไทยให้ดีขึ้นในระยะสั้น แต่การลงทุนต่างประเทศมีผลิตภัณฑ์คุ้มครองเงินต้นที่น่าสนใจและมีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากกว่า