นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดแถลงข่าวด่วนในช่วงเย็นวานนี้หลังจากดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ปิดลดลงอย่างมาก โดยลงมายืนที่ 1,371.22 จุด ลดลง 30.48 จุด (-2.17%) มูลค่าซื้อขาย 45,690.17 ล้านบาท โดยระบุว่า ตลาดหุ้นไทยร่วงแรงกว่าตลาดหุ้นหลายประเทศ แต่เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐ ยุโรป และภูมิภาค ขณะที่ไม่ได้พบความผิดปกติในการซื้อขายวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นช็อตเซล หรือ Prop Trade
ประเมินว่าสาเหตุหลักที่ SET INDEX ลดลงมากเป็นผลมาจากปัจจัยภายนอก ดังนั้น จึงเชื่อว่าหากปัจจัยลบในต่างประเทศคลี่คลาย โดยเฉพาะสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลางคลี่คลายลง ก็จะมีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะพลิกกลับมาได้ เพราะปัจจัยพื้นฐานของประเทศไม่ได้มีปัญหา จึงขอร้องให้พิจารณาข้อมูลต่าง ๆ ให้รอบคอบ
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยยังมีจุดเด่นจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ไม่ได้เป็นกังวล เนื่องจากหนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับต่ำ ความแข็งแกร่งของธนาคารพาณิชย์ที่ยังปล่อยกู้ได้อีกมาก แต่อาจมีความเสี่ยงในเรื่องของหนี้ภาคครัวเรือนเล็กน้อย ขณะเดียวกันไทย ยังมีจุดเด่นในเรื่องของการท่องเที่ยวและส่งออก หากกลับมาได้เร็วจะเป็นแรงหนุนให้เศรษฐกิจไทยโตก้าวกระโดด อย่างไรก็ตามภาคอุตสาหกรรมจะต้องปรับตัวให้ไวเพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงและสร้างความน่าสนใจให้กับผู้ลงทุน
เขากล่าวอีกว่าตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง -16% นับตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค และตลาดหุ้นทั่วโลก จากปัจจัยภายนอกประเทศกดดัน แต่ก็ไม่ได้ปรับลงทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ส่วนเงินทุนจากต่างประเทศ (Fund Flow) ที่ไหลออกไปตั้งแต่ต้นปีจนถึงเมื่อวานนี้ 1.7 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนระยะสั้น
ประเมินว่าสาเหตุหลักที่ SET INDEX ลดลงมากเป็นผลมาจากปัจจัยภายนอก ดังนั้น จึงเชื่อว่าหากปัจจัยลบในต่างประเทศคลี่คลาย โดยเฉพาะสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลางคลี่คลายลง ก็จะมีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะพลิกกลับมาได้ เพราะปัจจัยพื้นฐานของประเทศไม่ได้มีปัญหา จึงขอร้องให้พิจารณาข้อมูลต่าง ๆ ให้รอบคอบ
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยยังมีจุดเด่นจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ไม่ได้เป็นกังวล เนื่องจากหนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับต่ำ ความแข็งแกร่งของธนาคารพาณิชย์ที่ยังปล่อยกู้ได้อีกมาก แต่อาจมีความเสี่ยงในเรื่องของหนี้ภาคครัวเรือนเล็กน้อย ขณะเดียวกันไทย ยังมีจุดเด่นในเรื่องของการท่องเที่ยวและส่งออก หากกลับมาได้เร็วจะเป็นแรงหนุนให้เศรษฐกิจไทยโตก้าวกระโดด อย่างไรก็ตามภาคอุตสาหกรรมจะต้องปรับตัวให้ไวเพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงและสร้างความน่าสนใจให้กับผู้ลงทุน
เขากล่าวอีกว่าตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง -16% นับตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค และตลาดหุ้นทั่วโลก จากปัจจัยภายนอกประเทศกดดัน แต่ก็ไม่ได้ปรับลงทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ส่วนเงินทุนจากต่างประเทศ (Fund Flow) ที่ไหลออกไปตั้งแต่ต้นปีจนถึงเมื่อวานนี้ 1.7 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนระยะสั้น