Mr.Data
ท่าทางจะเอาไม่อยู่...น่ากลัวจะดูไม่จืด
ดัชนีตลาดหุ้นไทยหลัง “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จากพรรคเพื่อไทย เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 23 สิงหาคม 2566 นับวันมีแต่สาละวันเตี้ยลง!
หากเปรียบเทียบนับตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งนายกฯ ในวันที่ 23 ส.ค.66 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่ที่ 1,549.01 จุด ล่าสุด 26 ต.ค.66 ดัชนีอยู่ที่ 1,371.22 จุด ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือนเศษ ดัชนีปรับตัวลดลงกว่า 177.79 จุด หรือลดลง 12.96%
โดยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับสูง ทำให้บอนด์ยิลด์ปรับตัวสูงขึ้น กดดันตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน
ไม่แปลกใจที่เราได้เห็นภาพของนายกฯ มอบหมายให้ทีมผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯออกไปโรดโชว์ต่างประเทศ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน พร้อมกับให้การบ้านตลาดหลักทรัพย์ฯไปศึกษาขยายเวลาการซื้อ-ขาย หุ้น โดยคาดหวังว่าจะเพิ่มมูลค่าการซื้อขายหุ้นให้กลับมาคึกคึก
และทำให้ตลาดหุ้นไทยกลับมามีเสน่ห์อีกครั้ง!!!
โดยนับตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 26 ต.ค.66 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯปรับตัวลดลง 16.00%
ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่า 171,150.82 ล้านบาท
ถือเป็นการบ้านใหญ่ที่นายกฯเศรษฐา โยนให้กับทีมผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มี “ภากร ปีตธวัชชัย” กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นแม่ทัพใหญ่
วานนี้ (26 ต.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดตลาดที่ 1,371.22 จุด ลดลง 30.48 จุด หรือ 2.17% ต่ำสุดในรอบ 3 ปี
มีข่าวผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯเตรียมจัดแถลง 17.00 น.
นักลงทุนคาดหวังว่าจะมีมาตรการอะไรออกมา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
เพราะเวลานี้นักลงทุนอยู่ในภาวะสิ้นหวัง... ตลาดหลักทรัพย์ฯน่าจะมีมาตรการอะไรออกมา เพื่อบริหารความคาดหวังให้กับนักลงทุนบ้าง
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ต้องเจ็บช้ำระบมกับหุ้น MORE หนักสุดมาเจอกับ STARK ที่ลากเอาทั้งรายย่อย นักลงทุนสถาบันทั้งใน และต่างประเทศ เจ็บหนัก!
ไม่ใช่เฉพาะนักลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้น เพียงอย่างเดียว... แต่ยังลากเอานักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนรวม นักลงทุนที่ลงทุนผ่านหุ้นกู้
ไม่รู้ว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ปล่อยให้เรื่องราวลุกลาม บานปลาย ได้อย่างไร ถึงเพียงนี้
สรุปสาระสำคัญที่ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ แถลง!
หากติดตามข่าวในโลกโซเชียล นักลงทุนตั้งคำถาม ออกมาแถลงเพื่ออะไร เพราะไม่ได้มีมาตรการอะไรใหม่ๆ ออกมาฟื้นความเชื่อมั่น
“การปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทย เป็นการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นทั้งภูมิภาค และยอมรับว่า การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทยนั้นมากกว่าประเทศอื่นๆ โดยมองว่าเป็นผลกระทบจากปัจจัยภายนอก เช่น ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ และทิศทางของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่กดดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวน ขณะที่ในเชิงปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยไม่ได้มีปัญหา” ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุ
นอกจากนี้ เงินทุนจากต่างประเทศ (Fund Flow) ที่ไหลออกไปตั้งแต่ต้นปีจนถึงเมื่อวานนี้ (26 ต.ค.) 1.7 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนระยะสั้น
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนในการเพิ่มความหลากหลายด้านการลงทุน ทั้งประเภทของสินทรัพย์ และลักษณะของบริษัทจดทะเบียน พร้อมทั้งเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
โดยในเร็วๆ นี้จะมีการไปโรดโชว์ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นหนึ่งของการสร้างความเชื่อมั่น
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ มองว่า ด้วยปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยที่แข็งแกร่ง กำไรที่ดีจะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นได้
ส่วนเรื่องที่ทำนักลงทุนว้าวุ่น...หุ้นไอพีโอต่ำจองตั้งแต่วันแรก กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ มองว่า มาจากภาวะความไม่แน่นอนของตลาด ซึ่งเกิดหลังการกำหนดราคาหุ้น IPO ไว้ก่อนหน้า ที่เป็นช่วงไม่มีปัจจัยเข้ามากระทบต่อตลาดหุ้น จึงทำให้มีราคาปรับลดลง
สำหรับประเด็นการขยายเวลาซื้อขายของตลาดหุ้นไทยนั้น ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด เนื่องจากอยู่ระหว่างการหารือและเฮียริ่ง
ดูทรงแล้ว....ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในอาการโคม่า ไม่รู้ว่ารัฐบาล “เศรษฐา” จะเอาอยู่ไหม คงต้องตามกันต่อไป!
ท่าทางจะเอาไม่อยู่...น่ากลัวจะดูไม่จืด
ดัชนีตลาดหุ้นไทยหลัง “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จากพรรคเพื่อไทย เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 23 สิงหาคม 2566 นับวันมีแต่สาละวันเตี้ยลง!
หากเปรียบเทียบนับตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งนายกฯ ในวันที่ 23 ส.ค.66 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่ที่ 1,549.01 จุด ล่าสุด 26 ต.ค.66 ดัชนีอยู่ที่ 1,371.22 จุด ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือนเศษ ดัชนีปรับตัวลดลงกว่า 177.79 จุด หรือลดลง 12.96%
โดยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับสูง ทำให้บอนด์ยิลด์ปรับตัวสูงขึ้น กดดันตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน
ไม่แปลกใจที่เราได้เห็นภาพของนายกฯ มอบหมายให้ทีมผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯออกไปโรดโชว์ต่างประเทศ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน พร้อมกับให้การบ้านตลาดหลักทรัพย์ฯไปศึกษาขยายเวลาการซื้อ-ขาย หุ้น โดยคาดหวังว่าจะเพิ่มมูลค่าการซื้อขายหุ้นให้กลับมาคึกคึก
และทำให้ตลาดหุ้นไทยกลับมามีเสน่ห์อีกครั้ง!!!
โดยนับตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 26 ต.ค.66 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯปรับตัวลดลง 16.00%
ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่า 171,150.82 ล้านบาท
ถือเป็นการบ้านใหญ่ที่นายกฯเศรษฐา โยนให้กับทีมผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มี “ภากร ปีตธวัชชัย” กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นแม่ทัพใหญ่
วานนี้ (26 ต.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดตลาดที่ 1,371.22 จุด ลดลง 30.48 จุด หรือ 2.17% ต่ำสุดในรอบ 3 ปี
มีข่าวผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯเตรียมจัดแถลง 17.00 น.
นักลงทุนคาดหวังว่าจะมีมาตรการอะไรออกมา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
เพราะเวลานี้นักลงทุนอยู่ในภาวะสิ้นหวัง... ตลาดหลักทรัพย์ฯน่าจะมีมาตรการอะไรออกมา เพื่อบริหารความคาดหวังให้กับนักลงทุนบ้าง
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ต้องเจ็บช้ำระบมกับหุ้น MORE หนักสุดมาเจอกับ STARK ที่ลากเอาทั้งรายย่อย นักลงทุนสถาบันทั้งใน และต่างประเทศ เจ็บหนัก!
ไม่ใช่เฉพาะนักลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้น เพียงอย่างเดียว... แต่ยังลากเอานักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนรวม นักลงทุนที่ลงทุนผ่านหุ้นกู้
ไม่รู้ว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ปล่อยให้เรื่องราวลุกลาม บานปลาย ได้อย่างไร ถึงเพียงนี้
สรุปสาระสำคัญที่ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ แถลง!
หากติดตามข่าวในโลกโซเชียล นักลงทุนตั้งคำถาม ออกมาแถลงเพื่ออะไร เพราะไม่ได้มีมาตรการอะไรใหม่ๆ ออกมาฟื้นความเชื่อมั่น
“การปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทย เป็นการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นทั้งภูมิภาค และยอมรับว่า การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทยนั้นมากกว่าประเทศอื่นๆ โดยมองว่าเป็นผลกระทบจากปัจจัยภายนอก เช่น ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ และทิศทางของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่กดดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวน ขณะที่ในเชิงปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยไม่ได้มีปัญหา” ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุ
นอกจากนี้ เงินทุนจากต่างประเทศ (Fund Flow) ที่ไหลออกไปตั้งแต่ต้นปีจนถึงเมื่อวานนี้ (26 ต.ค.) 1.7 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนระยะสั้น
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนในการเพิ่มความหลากหลายด้านการลงทุน ทั้งประเภทของสินทรัพย์ และลักษณะของบริษัทจดทะเบียน พร้อมทั้งเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
โดยในเร็วๆ นี้จะมีการไปโรดโชว์ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นหนึ่งของการสร้างความเชื่อมั่น
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ มองว่า ด้วยปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยที่แข็งแกร่ง กำไรที่ดีจะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นได้
ส่วนเรื่องที่ทำนักลงทุนว้าวุ่น...หุ้นไอพีโอต่ำจองตั้งแต่วันแรก กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ มองว่า มาจากภาวะความไม่แน่นอนของตลาด ซึ่งเกิดหลังการกำหนดราคาหุ้น IPO ไว้ก่อนหน้า ที่เป็นช่วงไม่มีปัจจัยเข้ามากระทบต่อตลาดหุ้น จึงทำให้มีราคาปรับลดลง
สำหรับประเด็นการขยายเวลาซื้อขายของตลาดหุ้นไทยนั้น ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด เนื่องจากอยู่ระหว่างการหารือและเฮียริ่ง
ดูทรงแล้ว....ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในอาการโคม่า ไม่รู้ว่ารัฐบาล “เศรษฐา” จะเอาอยู่ไหม คงต้องตามกันต่อไป!