Wealth Sharing
SCGP ปิด2ดีลซื้อหุ้นบ.บรรจุภัณฑ์ในยุโรป ขยายช่องทางจำหน่าย-ฐานลูกค้าแบบครบวงจร
27 ตุลาคม 2566
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า SCGP เดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรและขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ในตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง ล่าสุดได้ลงนามในสัญญาซื้อหุ้น (Merger and Partnership: M&P) ทั้งหมดร้อยละ 100 ใน Law Print & Packaging Management Limited หรือ Law Print (ลอว์ พรินทร์) ผู้ให้บริการบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองสต็อกพอร์ต (Stockport) สหราชอาณาจักร การเข้าถือหุ้นดังกล่าวจะดำเนินการผ่าน SCGP Solutions (Singapore) Pte. Ltd. หรือ SCGPSS ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCGP ถือหุ้นทั้งหมด โดยใช้เงินลงทุน 10.68 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง หรือประมาณ 475 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2565 Law Print มีรายได้ 12.2 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง หรือประมาณ 570 ล้านบาท มีกำไรรวมหลังหักภาษีประมาณ 2.7 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง หรือประมาณ 125 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 6.5 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง หรือประมาณ 300 ล้านบาท
![SCGP ปิด2ดีลซื้อหุ้นบ.บรรจุภัณฑ์ในยุโรป.jpg](https://www.share2trade.com/storage/News%20Today/2023/271023/SCGP%20%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%942%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A5%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9A.%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B9%8C%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%9B.jpg)
Law Print เป็นผู้ให้บริการบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ทั้งการออกแบบ จัดพิมพ์ ตรวจสอบรับประกันคุณภาพ การให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ และมีจุดเด่นในการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลและทำความเข้าใจเชิงลึก นอกจากนี้ Law Print สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายผู้จัดหาบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวคุณภาพสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขยายฐานลูกค้าบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวของ SCGP สู่ลูกค้าในสหราชอาณาจักรและประเทศอื่น ๆ ในทวีปยุโรป ตลอดจนจะได้รับประโยชน์จากการผสานความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างกัน ทั้งการขายสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้อง (Cross-selling) ของบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer packaging products) ให้กับลูกค้าในกลุ่มบริษัทข้ามชาติ ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ Law Print
ขณะเดียวกัน SCGP ได้ขยายการลงทุนในธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์และขยายช่องทางจำหน่ายให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยลงนามในสัญญาซื้อหุ้นร้อยละ 85 ใน Bicappa Lab S.r.L. หรือ Bicappa (บิแคปปา) ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์ที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ รวมถึงเป็นผู้เชี่ยวชาญการผลิตอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ “ปิเปตต์ทิป” (Pipette tips) ในเมือง Roletto (รอเลตโต) ประเทศอิตาลี และเป็นรายใหญ่ในทวีปยุโรป โดยใช้เงินลงทุนรวม 3.23 ล้านยูโร หรือประมาณ 125 ล้านบาท โดยจะดำเนินการผ่าน Deltalab, S.L. (Deltalab) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCGP ถือหุ้นร้อยละ 85 ขณะที่ผลการดำเนินงานของ Bicappa ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 มีรายได้ 3 ล้านยูโร หรือประมาณ 115 ล้านบาท มีกำไรรวมหลังหักภาษี 0.62 ล้านยูโร หรือประมาณ 23.5 ล้านบาท และมีสินทรัพย์ 2.4 ล้านยูโร หรือประมาณ 90 ล้านบาท
Bicappa เป็นหนึ่งในผู้ผลิต Pipette tips รายใหญ่ในทวีปยุโรป ใช้ระบบเครื่องจักรอัตโนมัติในการผลิตและออกแบบแม่พิมพ์ ซึ่งการลงทุนครั้งนี้จะทำให้ Deltalab สามารถเพิ่มกำลังการผลิต Pipette tips ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเข้าถึงเทคโนโลยีการออกแบบแม่พิมพ์ฉีดขึ้นรูปสำหรับผลิตภัณฑ์ Auto-pipetting ที่มีความแม่นยำสูง อีกทั้งยังสามารถต่อยอดไปสู่ธุรกิจอื่น ๆ ของ SCGP ในอาเซียน และสร้างการเติบโตของธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ในอนาคตได้
“SCGP ดำเนินงานตามกลยุทธ์ในการขยายการลงทุนเพื่อรักษาการเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยการลงทุนในบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรครั้งนี้ จะช่วยเสริมแกร่งด้านช่องทางการจำหน่ายสินค้าและการขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ไปยังตลาดระดับโลก และการเข้าลงทุนในธุรกิจด้านวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ จะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตจากการขยายฐานลูกค้า เพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและต่อยอดธุรกิจได้ทั้ง Value Chain โดยจะเริ่มรับรู้รายได้จากทั้ง 2 ดีล ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป” นายวิชาญ กล่าว
![SCGP ปิด2ดีลซื้อหุ้นบ.บรรจุภัณฑ์ในยุโรป.jpg](https://www.share2trade.com/storage/News%20Today/2023/271023/SCGP%20%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%942%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A5%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9A.%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B9%8C%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%9B.jpg)
Law Print เป็นผู้ให้บริการบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ทั้งการออกแบบ จัดพิมพ์ ตรวจสอบรับประกันคุณภาพ การให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ และมีจุดเด่นในการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลและทำความเข้าใจเชิงลึก นอกจากนี้ Law Print สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายผู้จัดหาบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวคุณภาพสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขยายฐานลูกค้าบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวของ SCGP สู่ลูกค้าในสหราชอาณาจักรและประเทศอื่น ๆ ในทวีปยุโรป ตลอดจนจะได้รับประโยชน์จากการผสานความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างกัน ทั้งการขายสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้อง (Cross-selling) ของบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer packaging products) ให้กับลูกค้าในกลุ่มบริษัทข้ามชาติ ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ Law Print
ขณะเดียวกัน SCGP ได้ขยายการลงทุนในธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์และขยายช่องทางจำหน่ายให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยลงนามในสัญญาซื้อหุ้นร้อยละ 85 ใน Bicappa Lab S.r.L. หรือ Bicappa (บิแคปปา) ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์ที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ รวมถึงเป็นผู้เชี่ยวชาญการผลิตอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ “ปิเปตต์ทิป” (Pipette tips) ในเมือง Roletto (รอเลตโต) ประเทศอิตาลี และเป็นรายใหญ่ในทวีปยุโรป โดยใช้เงินลงทุนรวม 3.23 ล้านยูโร หรือประมาณ 125 ล้านบาท โดยจะดำเนินการผ่าน Deltalab, S.L. (Deltalab) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCGP ถือหุ้นร้อยละ 85 ขณะที่ผลการดำเนินงานของ Bicappa ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 มีรายได้ 3 ล้านยูโร หรือประมาณ 115 ล้านบาท มีกำไรรวมหลังหักภาษี 0.62 ล้านยูโร หรือประมาณ 23.5 ล้านบาท และมีสินทรัพย์ 2.4 ล้านยูโร หรือประมาณ 90 ล้านบาท
Bicappa เป็นหนึ่งในผู้ผลิต Pipette tips รายใหญ่ในทวีปยุโรป ใช้ระบบเครื่องจักรอัตโนมัติในการผลิตและออกแบบแม่พิมพ์ ซึ่งการลงทุนครั้งนี้จะทำให้ Deltalab สามารถเพิ่มกำลังการผลิต Pipette tips ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเข้าถึงเทคโนโลยีการออกแบบแม่พิมพ์ฉีดขึ้นรูปสำหรับผลิตภัณฑ์ Auto-pipetting ที่มีความแม่นยำสูง อีกทั้งยังสามารถต่อยอดไปสู่ธุรกิจอื่น ๆ ของ SCGP ในอาเซียน และสร้างการเติบโตของธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ในอนาคตได้
“SCGP ดำเนินงานตามกลยุทธ์ในการขยายการลงทุนเพื่อรักษาการเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยการลงทุนในบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรครั้งนี้ จะช่วยเสริมแกร่งด้านช่องทางการจำหน่ายสินค้าและการขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ไปยังตลาดระดับโลก และการเข้าลงทุนในธุรกิจด้านวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ จะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตจากการขยายฐานลูกค้า เพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและต่อยอดธุรกิจได้ทั้ง Value Chain โดยจะเริ่มรับรู้รายได้จากทั้ง 2 ดีล ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป” นายวิชาญ กล่าว