Wealth Sharing
ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ มีแนวรับ 1,360-1,350 จุด แนวต้าน 1,400-1,420 จุด
30 ตุลาคม 2566
![ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้.jpg](https://www.share2trade.com/storage/News%20Today/2023/301023/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%9B%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89.jpg)
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาบางส่วนปลายสัปดาห์ หลังร่วงลงแรงในระหว่างสัปดาห์ โดยภาพรวมหุ้นไทยปรับตัวลงท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ โอกาสที่เฟดจะตรึงดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน ตลอดจนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศยังไม่มีข้อสรุป อย่างไรก็ดีหุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาบางส่วนปลายสัปดาห์ตามทิศทางหุ้นภูมิภาค ประกอบกับมีแรงซื้อคืนหุ้นบิ๊กแคป อนึ่ง หุ้นกลุ่มที่กดดันตลาดตลอดสัปดาห์นี้ ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยีซึ่งเผชิญแรงขายสอดคล้องกับหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐฯ และกลุ่มแบงก์ซึ่งเผชิญแรงขายทำกำไรหลังประกาศงบฯ ไตรมาส 3/66
ในวันศุกร์ที่ 27 ต.ค. ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,388.23 จุด ลดลง 0.79% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 45,203.82 ล้านบาท ลดลง 4.69% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.96% มาปิดที่ระดับ 399.90 จุด
สำหรับสัปดาห์นี้ (30 ต.ค. – 3 พ.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,360 และ 1,350 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,400 และ 1,420 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (31 ต.ค.–1 พ.ย.) ทิศทางเงินทุนต่างชาติ รวมถึงผลประกอบการไตรมาส 3/66 ของบจ.ไทย ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ การจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตเดือนต.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม BOJ และ BOE ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/66 และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนต.ค. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน ตลอดจนดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนต.ค. ของญี่ปุ่น จีน และยูโรโซน