จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : WINMED รับอานิสงส์ สธ. Kick off ฉีดวัคซีน HPV ล้านโดส


30 ตุลาคม 2566
กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ขับเคลื่อนนโยบาย ยกระดับ 30 บาทพลัส ให้เห็นผลใน 100 วันแรก  ซึ่งนโยบาย "ฉีดวัคซีน HPV 1 ล้านโดส"ภายในเดือนพ.ย.  หนุนยอดขายสินค้า บมจ. วินเนอร์ยี่ เมดิคอล (WINMED) โดย  CEO มั่นใจรายได้ปีนี้สร้างสถิติสูงสุดใหม่เติบโต 30% 
          
รายงานพิเศษ WINMED รับอานิสงส์ สธ. Kick off.jpg

นพ.ชลน่าน  ศรีแก้ว  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  ระบุนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขในการยกระดับ 30 บาท ที่มีการกำหนดให้เห็นผลได้ใน 100 วันแรก โดยเฉพาะมะเร็งครบวงจร ครอบคลุมมะเร็งสำคัญ 3 ชนิด ได้แก่
          
1. มะเร็งปากมดลูก โดยเตรียมพร้อมฉีดวัคซีน HPV ให้นักเรียน/นักศึกษาหญิงทั่วประเทศ (อายุ 11-20 ปี) ในวันที่ 8 พ.ย. 66 นี้ และจะกระจายวัคซีนสู่พื้นที่ทั่วประเทศ รวม 1.43 ล้านโดส เสร็จสิ้นภายในเดือนม.ค. 67 ซึ่งมะเร็งปากมดลูก พบในหญิงไทยเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านม การฉีดวัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อได้มากถึง 90% จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งปากมดลูกใน 10-20 ปีข้างหน้าได้
          
2. มะเร็งท่อน้ำดี โดยการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงด้วยวิธี Urine Rapid Test และคัดกรองมะเร็งตับ และท่อน้ำดี ด้วยอัลตราซาวด์ 
          
3. มะเร็งตับ โดยการคัดกรองไวรัสตับอักเสบบี และซี พร้อมให้การรักษาผู้ที่ผลการคัดกรองเป็นบวก 
          
ซึ่งการยกระดับการบริการด้านสาธารณสุข ส่งผลดีต่อธุรกิจ บมจ. วินเนอร์ยี่ เมดิคอล (WINMED) ในฐานะผู้นำเข้าและจำหน่ายเครื่องและชุดอุปกรณ์ สำหรับการเก็บ การตรวจวิเคราะห์ วินิจฉัย และการบำบัดรักษาทางการแพทย์   “นันทิยะ  ดารกานนท์”  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  ระบุแนวโน้มธุรกิจช่วงครึ่งปีหลังยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และน่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากยอดขายสินค้าจากธุรกิจเดิมปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการได้รับการสนับสนุนของโครงการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก รวมทั้งรายได้ของกลุ่มผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีของเซลล์และโมเลกุลที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการสั่งซื้อน้ำยา เพื่อใช้ในห้องปฏิบัติการ กลุ่มผลิตภัณฑ์ธนาคารโลหิตและความปลอดภัยของโลหิต มีความต้องการใช้โลหิตและเกล็ดโลหิตของโรงพยาบาลเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มีแนวโน้มเติบโตขึ้นที่ชัดเจนหลังโควิด-19 คลี่คลาย ทำให้งานด้านการทางการแพทย์ การศึกษาและวิจัย เริ่มมีการสั่งสินค้าและบริการมากขึ้นกว่าเท่าตัว  โดยบริษัทฯ ยังเดินหน้าต่อยอดกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีการเติบโต ได้แก่ แผนเพิ่มหน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่เป็น 10 หน่วย สำหรับให้บริการในปี2567
ขณะที่แผนการดำเนินงานในปี2566 นอกจากขยายการลงทุนแล้วบริษัทฯมีการปรับกลยุทธ์ธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตมากขึ้น จากการได้รับการสนับสนุนจากโครงการสปสช.ในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ส่งผลให้มีผู้ใช้บริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ซึ่งจะช่วยสนับสนุนยอดขายให้มากขึ้น ผลักดันรายได้ในปีนี้เติบโต30%ตามเป้าหมายที่วางไว้ และสามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่