จิปาถะ

‘ภูมิธรรม’ เบรกน้ำตาลขึ้นราคา ชงเข้า ครม.วันนี้


31 ตุลาคม 2566

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทยว่า ได้แจ้งที่ประชุมว่ากระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมมาตรการบริหารจัดการข้าวเปลือกนาปี 2566/67 ที่จะออกสู่ตลาดช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 ไว้แล้ว ใช้งบประมาณ จำนวน 69,043 ล้านบาท เพื่อดูแลเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกผ่าน 4 มาตรการหลัก ประกอบด้วย

‘ภูมิธรรม’ เบรกน้ำตาลขึ้นราคา copy.jpg

1.มาตรการการเก็บสต๊อกสำหรับเกษตรกรและสหกรณ์ เพื่อชะลอการขายข้าวเปลือก วางเป้าหมาย 3 ล้านตัน โดยช่วยเหลือเป็นเงิน 1,500 บาท/ตัน ในกรณีเข้าร่วมกับสหกรณ์ สหกรณ์จะได้รับ 1,000 บาท/ตัน เกษตรกรรับ 500 บาท/ตัน เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉาง 15 เดือน และให้นำออกขายเมื่อข้าวราคาดี วงเงินรวม 10,120.71 ล้านบาท

นายภูมิธรรมกล่าวว่า 2.มาตรการเก็บสต๊อก สำหรับผู้ประกอบการโรงสี ข้าวถุงและผู้ส่งออก เป้าหมาย 10 ล้านตัน ช่วยชดเชยดอกเบี้ย 4% เก็บสต๊อก 26 เดือน วงเงินรวม 2,120 ล้านบาท 3.มาตรการสินเชื่อรวบรวมข้าวเปลือก เป้าหมาย 1 ล้านตัน ช่วยชดเชยดอกเบี้ย 15 เดือน ในอัตรา 3.85% ขณะที่สหกรณ์จ่ายดอกเบี้ย 1% วงเงินรวม 481.25 ล้านบาท และ 4.ช่วยลดต้นทุนการผลิต หรือค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ หรือครัวเรือนละ 20,000 บาท วงเงินรวม 56,321.07 ล้านบาท

“ปีนี้เราอาจจะไม่มีมาตรการรับจำนำข้าว หรือมาตรการประกันรายได้ แต่ก็มีโครงการช่วยเหลือดูแลเสถียรภาพราคาข้าว 14 ล้านตัน ที่กำลังทยอยออก โดยให้เกษตรกร สหกรณ์ และให้ผู้ประกอบการช่วยเก็บสต๊อก งบประมาณ 6.9 หมื่นล้านบาท ไปดูแลราคาข้าวไม่ให้ตกต่ำ โดยจะเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) พิจารณาในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 และเร่งนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่ออนุมัติต่อไป” นายภูมิธรรมกล่าว

นายภูมิธรรมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าบริการ (กกร.) มีการพิจารณากรณีสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ประกาศปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงาน 4 บาทต่อ กก. ทั้งนี้ นายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ที่ประชุมมีมติกำหนดให้น้ำตาลทรายเป็นสินค้าควบคุม และกำหนดมาตรฐานการควบคุมภายใต้การดูแลของกระทรวงพาณิชย์ โดยจะนำมติเสนอ ครม.วันที่ 31 ตุลาคม จากนั้นจะประกาศลงราชกิจจานุเบกษาไม่เกินวันที่ 1 พฤศจิกายน

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้านโยบายขยายเวลาการเปิดสถานบริการในพื้นที่ท่องเที่ยวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ที่กำหนดไว้ จะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 ธันวาคม และจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์พื้นที่ท่องเที่ยวให้เปิดสถานบริการถึงเวลา 04.00 น. ให้ประกาศใช้ทันในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

“จะเน้นในจังหวัดท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก อาทิ เชียงใหม่ ภูเก็ต กรุงเทพฯ เป็นต้น โดยเป็นการทำนำร่องไปก่อน จะต้องทำงานควบคู่บูรณาการกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อรักษากฎหมายให้ได้มากที่สุด และหากทุกคนให้ความร่วมมือจะสามารถแปลงปัญหาเป็นโอกาสเพื่อสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น จ้างงานเพิ่มขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีรายได้ในการเลี้ยงชีพมากขึ้น” นายอนุทินกล่าว

ที่มา : https://www.matichon.co.th/economy/news_4259357