ยอดขายรถยนต์ในประเทศยังเติบโตทั้งตลาดรถมือ 1 และรถมือ 2 ตามความต้องการใช้รถยนต์ที่ยังขยายตัว ส่งผลดีต่อธุรกิจเกี่ยวเนื่องอย่างอะไหล่รถยนต์ ซึ่งผู้นำตลาดอย่าง บมจ. เอส.ซี.แอล.มอเตอร์ พาร์ท (SCL) ที่อยู่ในวงการมายาวนานกว่า 50 ปี ได้ฤกษ์เข้าซื้อขายในตลาด mai ตั้งแต่ 1 พ.ย. 66 เปิดโอกาสให้นักลงทุนเป็นเจ้าของ
ttb analytics ประเมินว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2566 จะอยู่ที่ 8.35 แสนคัน หดตัว 1.6%YoY โดยอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังเผชิญแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง จากการเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อของสถาบันการเงิน ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็ส่งสัญญาณแผ่วลง กำลังซื้อในภาพรวมยังชะลอตัวลงจากหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ผลพวงจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อผลผลิตและรายได้เกษตรกร ตลอดจนการชะลอซื้อรถเพื่อการพาณิชย์ของภาคธุรกิจที่รอความชัดเจนจากมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ
ในภาวะที่กำลังซื้อปรับตัวลดลง และการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดของสถาบันการเงินต่างๆ ทำให้เป็นโอกาสของตลาดรถยนต์มือ 2 ที่ราคาอยู่ในระดับที่จับต้องได้ ซึ่งสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว คาดทิศทางตลาดรถยนต์มือสองยังมีแนวโน้มที่ดี ผู้บริโภคยังคงมีความต้องการซื้ออย่างต่อเนื่อง เพราะได้เปรียบเรื่องราคาเมื่อเทียบกับรถใหม่ อีกทั้งรถยนต์มือสองในปัจจุบันมีอายุการใช้งานไม่มาก ยังอยู่ในเงื่อนไขการรับประกันทำให้ลูกค้ามีทางเลือกและมั่นใจในการซื้อรถมือสองมากขึ้น ซึ่งปี 2564 ตลาดรถยนต์ใช้แล้ว มีมูลค่าประมาณ 8 หมื่นล้านบาท เติบโตประมาณ 10 - 15%เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
การใช้งานรถยนต์ ธุรกิจที่จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องหนีไม่พ้นในส่วนของชิ้นส่วนอะไหล่ ที่จะต้องเปลี่ยนตามอายุการใช้งาน ซึ่งในวันที่ 1 พ.ย 66 จะมีหุ้นน้องใหม่ บมจ.เอส.ซี.แอล.มอเตอร์ พาร์ท (SCL) เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai
โดยบริษัทมีจุดเด่น เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์อย่างครบวงจร ที่พร้อมเติบโตไปกับจำนวนรถยนต์สะสมของประเทศ ซึ่งมีความต้องการชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์เพื่อการทดแทนชิ้นส่วนยานยนต์ที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน หรือที่เกิดความสึกหรอตามระยะทางการใช้งาน ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะรถยนต์ที่มีอายุมากกว่า 5 ปีขึ้นไปที่จะมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอะไหล่และชิ้นส่วนฯเฉลี่ยสูงกว่ารถยนต์ที่มีอายุการใช้งานน้อยกว่า 5 ปีถึงร้อยละ 35
และบริษัทยังเป็นผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจมากว่า 58 ปี โดยเป็นหนึ่งในตัวแทนจำหน่ายอะไหล่รายใหญ่ของ ISUZU
นอกจากนี้บริษัทยังจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายครอบคลุมทุกชิ้นส่วนของรถยนต์ทั้งที่เป็นชิ้นส่วนอะไหล่ของค่ายรถยนต์ต่างๆ ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย เช่น ISUZU, MITSUBISHI, TOYOTA, HONDA, FORD, NISSAN รวมถึงอะไหล่รถยนต์ทดแทนที่ได้มาตรฐานของผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ที่ได้รับการยอมรับ เช่น AISIN, KAYABA, DENSO
ส่วนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือ EV จากการวิเคราะห์ของ นายสกล ตั้งก่อสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCL รับว่ากระทบสินค้าของบริษัทในส่วนน้อยเท่านั้น คือ อะไหล่เครื่องยนต์ ไส้กรอง น้ำมันเครื่อง เคมีภัณฑ์และระบบเกียร์บางส่วน ขณะที่สินค้าส่วนใหญ่อย่าง บอดี้พาร์ท ฝากระโปรง กันชน ระบบช่วงล่าง ระบบเบรค ระบบภายใน หรือระบบแอร์ ไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากยังเป็นสิ่งจำเป็นในรถ EV
ขณะที่ยอดขายรถ EV ในไทยปี 2565 มีประมาณ 9,700 คัน ส่วนปี 66 ช่วง 8 เดือนแรกของปีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 43,500 คัน แต่ยังถือว่าเป็นจำนวนน้อยมาก คิดเป็น 0.29% ของรถยนต์สะสมในตลาดที่มีประมาณ 20.5 ล้านคัน
แต่เนื่องจากแนวทางการลดภาวะโลกร้อนทำให้การสนับสนุนใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า การใช้รถEV จะมีมากขึ้น ซึ่งบริษัทก็ได้มีการวางแผนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยได้หารือ กับบริษัท BOSCH จากเยอรมนี ซึ่งเป็น Supplier ของบริษัทอย่างใกล้ชิด ซึ่งได้เตรียมการที่จะออกสินค้าอะไหล่สำหรับรถEV มารองรับการใช้งาน
ด้านนายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซียไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ย้ำว่าหลังการเข้าระดมทุน หุ้น SCL จะไม่ใช่หุ้นที่เติบโตสูงปีละ 30-40% แต่จะเป็นหุ้นที่มีการเติบโตสม่ำเสมอทุกปี สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนและผู้ถือหุ้น
ttb analytics ประเมินว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2566 จะอยู่ที่ 8.35 แสนคัน หดตัว 1.6%YoY โดยอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังเผชิญแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง จากการเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อของสถาบันการเงิน ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็ส่งสัญญาณแผ่วลง กำลังซื้อในภาพรวมยังชะลอตัวลงจากหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ผลพวงจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อผลผลิตและรายได้เกษตรกร ตลอดจนการชะลอซื้อรถเพื่อการพาณิชย์ของภาคธุรกิจที่รอความชัดเจนจากมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ
ในภาวะที่กำลังซื้อปรับตัวลดลง และการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดของสถาบันการเงินต่างๆ ทำให้เป็นโอกาสของตลาดรถยนต์มือ 2 ที่ราคาอยู่ในระดับที่จับต้องได้ ซึ่งสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว คาดทิศทางตลาดรถยนต์มือสองยังมีแนวโน้มที่ดี ผู้บริโภคยังคงมีความต้องการซื้ออย่างต่อเนื่อง เพราะได้เปรียบเรื่องราคาเมื่อเทียบกับรถใหม่ อีกทั้งรถยนต์มือสองในปัจจุบันมีอายุการใช้งานไม่มาก ยังอยู่ในเงื่อนไขการรับประกันทำให้ลูกค้ามีทางเลือกและมั่นใจในการซื้อรถมือสองมากขึ้น ซึ่งปี 2564 ตลาดรถยนต์ใช้แล้ว มีมูลค่าประมาณ 8 หมื่นล้านบาท เติบโตประมาณ 10 - 15%เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
การใช้งานรถยนต์ ธุรกิจที่จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องหนีไม่พ้นในส่วนของชิ้นส่วนอะไหล่ ที่จะต้องเปลี่ยนตามอายุการใช้งาน ซึ่งในวันที่ 1 พ.ย 66 จะมีหุ้นน้องใหม่ บมจ.เอส.ซี.แอล.มอเตอร์ พาร์ท (SCL) เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai
โดยบริษัทมีจุดเด่น เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์อย่างครบวงจร ที่พร้อมเติบโตไปกับจำนวนรถยนต์สะสมของประเทศ ซึ่งมีความต้องการชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์เพื่อการทดแทนชิ้นส่วนยานยนต์ที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน หรือที่เกิดความสึกหรอตามระยะทางการใช้งาน ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะรถยนต์ที่มีอายุมากกว่า 5 ปีขึ้นไปที่จะมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอะไหล่และชิ้นส่วนฯเฉลี่ยสูงกว่ารถยนต์ที่มีอายุการใช้งานน้อยกว่า 5 ปีถึงร้อยละ 35
และบริษัทยังเป็นผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจมากว่า 58 ปี โดยเป็นหนึ่งในตัวแทนจำหน่ายอะไหล่รายใหญ่ของ ISUZU
นอกจากนี้บริษัทยังจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายครอบคลุมทุกชิ้นส่วนของรถยนต์ทั้งที่เป็นชิ้นส่วนอะไหล่ของค่ายรถยนต์ต่างๆ ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย เช่น ISUZU, MITSUBISHI, TOYOTA, HONDA, FORD, NISSAN รวมถึงอะไหล่รถยนต์ทดแทนที่ได้มาตรฐานของผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ที่ได้รับการยอมรับ เช่น AISIN, KAYABA, DENSO
ส่วนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือ EV จากการวิเคราะห์ของ นายสกล ตั้งก่อสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCL รับว่ากระทบสินค้าของบริษัทในส่วนน้อยเท่านั้น คือ อะไหล่เครื่องยนต์ ไส้กรอง น้ำมันเครื่อง เคมีภัณฑ์และระบบเกียร์บางส่วน ขณะที่สินค้าส่วนใหญ่อย่าง บอดี้พาร์ท ฝากระโปรง กันชน ระบบช่วงล่าง ระบบเบรค ระบบภายใน หรือระบบแอร์ ไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากยังเป็นสิ่งจำเป็นในรถ EV
ขณะที่ยอดขายรถ EV ในไทยปี 2565 มีประมาณ 9,700 คัน ส่วนปี 66 ช่วง 8 เดือนแรกของปีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 43,500 คัน แต่ยังถือว่าเป็นจำนวนน้อยมาก คิดเป็น 0.29% ของรถยนต์สะสมในตลาดที่มีประมาณ 20.5 ล้านคัน
แต่เนื่องจากแนวทางการลดภาวะโลกร้อนทำให้การสนับสนุนใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า การใช้รถEV จะมีมากขึ้น ซึ่งบริษัทก็ได้มีการวางแผนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยได้หารือ กับบริษัท BOSCH จากเยอรมนี ซึ่งเป็น Supplier ของบริษัทอย่างใกล้ชิด ซึ่งได้เตรียมการที่จะออกสินค้าอะไหล่สำหรับรถEV มารองรับการใช้งาน
ด้านนายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซียไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ย้ำว่าหลังการเข้าระดมทุน หุ้น SCL จะไม่ใช่หุ้นที่เติบโตสูงปีละ 30-40% แต่จะเป็นหุ้นที่มีการเติบโตสม่ำเสมอทุกปี สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนและผู้ถือหุ้น