บล.ดาโอ (ประเทศไทย) มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (1 พ.ย.66) คาดดัชนีฯ แกว่งกรอบแคบ ตลาดมีความกังวลจากปัจจัยลบรอบด้าน และรอผลประชุม FOMC คืนนี้
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี Dow Jones บวก 123 จุด ยังบวกต่อได้แต่ชะลอตัวลง การรายงานกำไรบริษัทในตลาดยังมีผลอยู่บ้าง แต่นักลงทุนส่วนใหญ่รอดูผลประชุม FOMC คืนนี้
การประชุม FOMC ตลาดคาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 5.50% แต่ถ้าเป็นตามคาดจริง ต้องไปดูว่า Fed จะเดินนโยบายดอกเบี้ยอย่างไร จะขึ้นต่อ หรือจะหยุดไว้เท่านี้ ถ้าชะลอการขึ้นไปเลย แบบนี้จะเป็นบวกต่อตลาด
สถานการณ์ตะวันออกกลาง อิสราเอล ยังบุกต่อเนื่อง ความกังวลต่อเรื่องนี้ยังอยู่ในระดับสูง แต่ในมุมของราคาน้ำมัน ค่า War Premium น่าจะน้อยกว่าความกังวลเรื่องเศรษฐกิจ(demand) โดยเฉพาะตัวเลข PMI จีนที่ต่ำกว่าระดับ 50 จุด จึงทำให้ราคาน้ำมันอ่อนตัว น้ำมันดิบ Brent เช้านี้ $85.36 เหรียญ
ผลประชุม BOJ ที่ออกมา surprise ตลาด ทำให้ค่าเงินเยนอ่อน แต่ดีต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น ผลตรงต่อตลาดหุ้นไทยมีน้อย หุ้นที่อาจเสียประโยชน์จากเงินเยนอ่อนค่า คือ ผู้ส่งออกสินค้าไปญี่ปุ่น เช่น ผู้ส่งออกข้าวโพด ไก่
Event และตัวเลขเศรษฐกิจ สำคัญ วันนี้ PMI จีน (Caixin) ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนและตัวเลข ISM ของสหรัฐฯ และนายกฯ นั่งประชุมบอร์ด EV
#Strategy
เรามองว่า ตัวแปรสำคัญๆ ของตลาด อาทิ ทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ ราคาน้ำมัน สถานการณ์ตะวันออกกลาง และเศรษฐกิจจีน ผันผวนมาก จนมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ และทำให้ดัชนีฯไม่สามารถประคองตัวเองได้ เป็นเหตุให้เรายังแนะนำให้ถือเงินสดในระดับที่สูง แต่ขณะเดียวกัน ก็เข้ามาเก็บหุ้นที่น่าลงทุนเข้าพอร์ตไว้ด้วย
หุ้นที่เป็น High dividend Yield ยังเป็นตัวหลักในการพิจารณา โดยแบ่งไม้ซื้อ ตัวเลือก วันนี้ ยังคงเป็น TISCO, PTT, SPALI, DMT
หุ้นน้ำมัน (PTTEP+ โรงกลั่นน้ำมัน) ควรลดความเสี่ยงลงบ้าง เพราะความเป็น Premium ลดลง บวกกับเศรษฐกิจโลก ยังไม่สามารถรับราคาน้ำมันที่แพงกว่านี้ได้
จีน ตัวเลข PMI ต่ำกว่า 50 จุด สะเทือนตลาด แต่น่าจะเร่งให้รัฐบาลต้องรีบกระตุ้นเศรษฐกิจ หุ้นที่อิงจีน PSL, KCE, NER ถ้าราคาลงมา ก็ยังน่าสนใจอยู่
หุ้นที่ราคาลงมาลึก เรายังให้ความสนใจกับ ITC, CBG , RBF, BH, HMPRO
เราคงเงินสดไว้ 90% เพื่อรอให้ตลาดมีเสถียรภาพที่ดีกว่านี้ โดย พอร์ตหุ้นวันนี้ เรามีหุ้นเพียงตัวเดียวคือ BEM(10%)
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี Dow Jones บวก 123 จุด ยังบวกต่อได้แต่ชะลอตัวลง การรายงานกำไรบริษัทในตลาดยังมีผลอยู่บ้าง แต่นักลงทุนส่วนใหญ่รอดูผลประชุม FOMC คืนนี้
การประชุม FOMC ตลาดคาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 5.50% แต่ถ้าเป็นตามคาดจริง ต้องไปดูว่า Fed จะเดินนโยบายดอกเบี้ยอย่างไร จะขึ้นต่อ หรือจะหยุดไว้เท่านี้ ถ้าชะลอการขึ้นไปเลย แบบนี้จะเป็นบวกต่อตลาด
สถานการณ์ตะวันออกกลาง อิสราเอล ยังบุกต่อเนื่อง ความกังวลต่อเรื่องนี้ยังอยู่ในระดับสูง แต่ในมุมของราคาน้ำมัน ค่า War Premium น่าจะน้อยกว่าความกังวลเรื่องเศรษฐกิจ(demand) โดยเฉพาะตัวเลข PMI จีนที่ต่ำกว่าระดับ 50 จุด จึงทำให้ราคาน้ำมันอ่อนตัว น้ำมันดิบ Brent เช้านี้ $85.36 เหรียญ
ผลประชุม BOJ ที่ออกมา surprise ตลาด ทำให้ค่าเงินเยนอ่อน แต่ดีต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น ผลตรงต่อตลาดหุ้นไทยมีน้อย หุ้นที่อาจเสียประโยชน์จากเงินเยนอ่อนค่า คือ ผู้ส่งออกสินค้าไปญี่ปุ่น เช่น ผู้ส่งออกข้าวโพด ไก่
Event และตัวเลขเศรษฐกิจ สำคัญ วันนี้ PMI จีน (Caixin) ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนและตัวเลข ISM ของสหรัฐฯ และนายกฯ นั่งประชุมบอร์ด EV
#Strategy
เรามองว่า ตัวแปรสำคัญๆ ของตลาด อาทิ ทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ ราคาน้ำมัน สถานการณ์ตะวันออกกลาง และเศรษฐกิจจีน ผันผวนมาก จนมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ และทำให้ดัชนีฯไม่สามารถประคองตัวเองได้ เป็นเหตุให้เรายังแนะนำให้ถือเงินสดในระดับที่สูง แต่ขณะเดียวกัน ก็เข้ามาเก็บหุ้นที่น่าลงทุนเข้าพอร์ตไว้ด้วย
หุ้นที่เป็น High dividend Yield ยังเป็นตัวหลักในการพิจารณา โดยแบ่งไม้ซื้อ ตัวเลือก วันนี้ ยังคงเป็น TISCO, PTT, SPALI, DMT
หุ้นน้ำมัน (PTTEP+ โรงกลั่นน้ำมัน) ควรลดความเสี่ยงลงบ้าง เพราะความเป็น Premium ลดลง บวกกับเศรษฐกิจโลก ยังไม่สามารถรับราคาน้ำมันที่แพงกว่านี้ได้
จีน ตัวเลข PMI ต่ำกว่า 50 จุด สะเทือนตลาด แต่น่าจะเร่งให้รัฐบาลต้องรีบกระตุ้นเศรษฐกิจ หุ้นที่อิงจีน PSL, KCE, NER ถ้าราคาลงมา ก็ยังน่าสนใจอยู่
หุ้นที่ราคาลงมาลึก เรายังให้ความสนใจกับ ITC, CBG , RBF, BH, HMPRO
เราคงเงินสดไว้ 90% เพื่อรอให้ตลาดมีเสถียรภาพที่ดีกว่านี้ โดย พอร์ตหุ้นวันนี้ เรามีหุ้นเพียงตัวเดียวคือ BEM(10%)