Wealth Sharing

GUNKUL จัดหนัก! บอร์ดอนุมัติทุ่ม 1,120 ลบ. เปิดโครงการซื้อหุ้นคืน 380 ล้านหุ้น หนุนความเชื่อมั่น! เริ่ม 16 พ.ย.นี้


01 พฤศจิกายน 2566
บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) ประกาศอัดวงเงินไม่เกิน 1,120   ล้านบาท ซื้อหุ้นคืนสูงสุด จำนวนไม่เกิน 380 ล้านหุ้น พร้อมกําหนดระยะเวลาที่จะซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2567    ฟาก “โศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ” ระบุบริษัทเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตและปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัท โดยภาวะตลาดในปัจจุบันส่งผลทำให้หุ้นของ GUNKUL ต่ำกว่าราคามูลค่าที่แท้จริงที่ควรจะเป็น  จึงขอให้ผู้ถือหุ้นเชื่อมั่นการซื้อหุ้นคืนจะช่วยให้ราคาหุ้นสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง หนุนกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เพิ่มสูงขึ้น และผู้ถือหุ้นมีโอกาสได้รับเงินปันผลต่อหุ้นมากขึ้น

GUNKUL_CEO S.jpg

นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน)  (GUNKUL)    เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 8 /2566  มีมติให้เปิดโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock)  โดยจะดำเนินการซื้อหุ้นคืนสูงสุดไม่เกิน 380 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ  0.25 บาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนคิดเป็น 4.28 % ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด คิดเป็นวงเงินซื้อคืนสูงสุดไม่เกิน  1,120 ล้านบาท กำหนดระยะเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่  16 พฤศจิกายน 2566 ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2567    

การเปิดโครงการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้ เพื่อบริหารสภาพคล่องส่วนเกินให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเพิ่มอัตราส่วนผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (ROE) และกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) รวมถึงทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของธุรกิจบริษัทสะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่มีความแข็งแกร่งและยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน ส่วนแหล่งเงินทุนจะใช้จากสภาพคล่องส่วนเกิน ซึ่งจะไม่กระทบกับฐานะทางการเงินแต่อย่างใด

ทั้งนี้กลุ่มบริษัทฯ มีความมั่นใจในภาพรวมครึ่งหลังปี 2566 จะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก  โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการทยอยรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ  ซึ่งเป็นรายได้หลักที่มีเข้ามาสม่ำเสมอ  โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่มีกระแสลมเข้ามาแรง อีกทั้งยังทยอยรับรู้รายได้ในอนาคตจากโครงการใหม่ๆ และจากงานรับเหมาและวางระบบทางด้านวิศวกรรม (EPC) ที่ปัจจุบันมีงานอยู่ในมือ (Backlog) ประมาณ 5,000 ล้านบาท และมีแผนเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ เพิ่ม  จึงทำให้มั่นใจว่าผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ปี 2566 จะเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้คือ ไม่ต่ำกว่า 15%