เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 06-11-23
06-11-23 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***ศุกร์ที่ผ่านมาดาวโจนส์ปิดที่ 34,061.32 จุด เพิ่มขึ้น 222.24 จุด หรือ +0.66%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,358.34 จุด เพิ่มขึ้น 40.56 จุด หรือ +0.94% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,478.28 จุด เพิ่มขึ้น 184.09 จุด หรือ +1.38%
***รายงานข่าวระบุว่าดาวโจนส์ปิดบวกในวันศุกร์ (3 พ.ย.) เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐร่วงลงอย่างรุนแรงหลังการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่าการจ้างงานในสหรัฐชะลอการขยายตัว และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งสนับสนุนความหวังที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
***ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 150,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2564 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 188,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.9% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจทรงตัวที่ระดับ 3.8% จากข้อมูลการจ้างงานที่ต่ำกว่าคาดฉุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันแล้ว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 สัปดาห์ และได้ช่วยหนุนตลาดหุ้น
***ส่วนตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (6-10 พ.ย.) กูรูประเมินสัญญาณทางเทคนิคมีแนวรับที่ 1,400 และ 1,385 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,430 และ 1,450 จุด โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนต.ค. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ รวมถึงผลประกอบการไตรมาส 3/66 ของบจ.ไทย ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขนำเข้าและตัวเลขส่งออกเดือนก.ย. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการบริการเดือนต.ค. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/66 ของอังกฤษ ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนต.ค.ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต
***บทวิเคราะห์จากเซียนหุ้น ASPS ระบุว่ามี 3 ปัจจัยที่จะหนุน SET อยู่โหมดฟื้นพร้อมหาหุ้นเด็ดเข้าข่ายน่าซื้อ คือ 1. ปริมาณการ SHORT SALES วานนี้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งวันที่ 2 พ.ย. 66 มีสัดส่วน SHORT SALES เทียบกับมูลค่าซื้อขายทั้งหมดเพียง 8.63% เท่านั้น ลดลงอย่างมีนัยฯ เมื่อเทียบกับสัดส่วน SHORT SALES ในทั้งเดือน ต.ค. ที่ 10.3% และเดือน ก.ย. ที่ 10.26% คาดจะหนุนให้ SET มีโอกาสผัน ผวนน้อยลงเมื่อเทียบกับช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
***2. ตลาดหุ้นไทยย่อตัวลงมาลึกจนมีหุ้นถูกเต็มตลาด สังเกตได้จากมีหุ้นใน SET100 ต่ำ BOOK หรือ PBV<1 เท่า สูงถึง 35 บริษัทจาก 100 บริษัท (ณ 1 พ.ย. 66) และใน 35 บริษัทนั้นเป็นหุ้นที่มีกำไรเป็นบวกในช่วง 4 ไตรมาสที่ ผ่านมาถึง 30 บริษัท
***3. เริ่มเห็นการประกาศโครงการซื้อหุ้นคืน รวมถึงทยอยใช้สิทธิซื้อหุ้นคืน โดย ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา มีบริษัทประกาศซื้อหุ้นคืน คือ MAJOR, GUNKUL, SMT (ประกาศวานนี้) และเห็นทยอยใช้สิทธิซื้อหุ้นคืนพยุงราคาหุ้น คือ MAJOR, WP, III, SMD, NV, TACC, GENCO เป็นต้น
***โดยสรุปทั้งหมดคือ ทั้ง VALUATION ของตลาดที่ถูกมากแล้ว ปริมาณการ SHORT SALES ที่ลดลง และบริษัททยอยประกาศซื้อหุ้นคืน น่าจะช่วยหนุนให้ SET INDEX มี MOMENTUM ขยับขึ้นต่อได้ ขณะที่ผ่านวิจัยฯ ลองค้นหา “บริษัทขนาดใหญ่ไหนเข้าข่ายน่าซื้อหุ้นคืน” ผ่านการตั้ง เงื่อนไขต่างๆ ดังนี้
1. มีเงินสดเยอะ สามารถแบ่งมาซื้อหุ้นคืนได้
2. เป็นหุ้นที่ย่อตัวลงมาในปีนี้
3. มี FREE FLOAT สูง (>40%) ไม่กดดันสภาพคล่องที่ลดลงหลังซื้อหุ้นคืน
4. มี PBV < 1 ราคาหุ้นลงมาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี
5. ผลประกอบการบริษัทยังมีกำไรในปีที่ผ่านมา
ได้ผลลัพธ์ “บริษัทขนาดใหญ่เข้าข่ายน่าซื้อหุ้นคืน” คือ AP, EGCO, RATCH, SCC, SPALI, STEC, TU ซึ่งหุ้นดังกล่าวถือว่าย่อตัวลงมาจนมี VALUATION น่าสนใจ พร้อมกับสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง น่าทยอยสะสม หวังราคาหุ้นกลับมา OUTPERFORM ตลาดในระยะถัดไป
06-11-23 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***ศุกร์ที่ผ่านมาดาวโจนส์ปิดที่ 34,061.32 จุด เพิ่มขึ้น 222.24 จุด หรือ +0.66%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,358.34 จุด เพิ่มขึ้น 40.56 จุด หรือ +0.94% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,478.28 จุด เพิ่มขึ้น 184.09 จุด หรือ +1.38%
***รายงานข่าวระบุว่าดาวโจนส์ปิดบวกในวันศุกร์ (3 พ.ย.) เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐร่วงลงอย่างรุนแรงหลังการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่าการจ้างงานในสหรัฐชะลอการขยายตัว และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งสนับสนุนความหวังที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
***ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 150,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2564 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 188,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.9% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจทรงตัวที่ระดับ 3.8% จากข้อมูลการจ้างงานที่ต่ำกว่าคาดฉุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันแล้ว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 สัปดาห์ และได้ช่วยหนุนตลาดหุ้น
***ส่วนตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (6-10 พ.ย.) กูรูประเมินสัญญาณทางเทคนิคมีแนวรับที่ 1,400 และ 1,385 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,430 และ 1,450 จุด โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนต.ค. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ รวมถึงผลประกอบการไตรมาส 3/66 ของบจ.ไทย ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขนำเข้าและตัวเลขส่งออกเดือนก.ย. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการบริการเดือนต.ค. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/66 ของอังกฤษ ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนต.ค.ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต
***บทวิเคราะห์จากเซียนหุ้น ASPS ระบุว่ามี 3 ปัจจัยที่จะหนุน SET อยู่โหมดฟื้นพร้อมหาหุ้นเด็ดเข้าข่ายน่าซื้อ คือ 1. ปริมาณการ SHORT SALES วานนี้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งวันที่ 2 พ.ย. 66 มีสัดส่วน SHORT SALES เทียบกับมูลค่าซื้อขายทั้งหมดเพียง 8.63% เท่านั้น ลดลงอย่างมีนัยฯ เมื่อเทียบกับสัดส่วน SHORT SALES ในทั้งเดือน ต.ค. ที่ 10.3% และเดือน ก.ย. ที่ 10.26% คาดจะหนุนให้ SET มีโอกาสผัน ผวนน้อยลงเมื่อเทียบกับช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
***2. ตลาดหุ้นไทยย่อตัวลงมาลึกจนมีหุ้นถูกเต็มตลาด สังเกตได้จากมีหุ้นใน SET100 ต่ำ BOOK หรือ PBV<1 เท่า สูงถึง 35 บริษัทจาก 100 บริษัท (ณ 1 พ.ย. 66) และใน 35 บริษัทนั้นเป็นหุ้นที่มีกำไรเป็นบวกในช่วง 4 ไตรมาสที่ ผ่านมาถึง 30 บริษัท
***3. เริ่มเห็นการประกาศโครงการซื้อหุ้นคืน รวมถึงทยอยใช้สิทธิซื้อหุ้นคืน โดย ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา มีบริษัทประกาศซื้อหุ้นคืน คือ MAJOR, GUNKUL, SMT (ประกาศวานนี้) และเห็นทยอยใช้สิทธิซื้อหุ้นคืนพยุงราคาหุ้น คือ MAJOR, WP, III, SMD, NV, TACC, GENCO เป็นต้น
***โดยสรุปทั้งหมดคือ ทั้ง VALUATION ของตลาดที่ถูกมากแล้ว ปริมาณการ SHORT SALES ที่ลดลง และบริษัททยอยประกาศซื้อหุ้นคืน น่าจะช่วยหนุนให้ SET INDEX มี MOMENTUM ขยับขึ้นต่อได้ ขณะที่ผ่านวิจัยฯ ลองค้นหา “บริษัทขนาดใหญ่ไหนเข้าข่ายน่าซื้อหุ้นคืน” ผ่านการตั้ง เงื่อนไขต่างๆ ดังนี้
1. มีเงินสดเยอะ สามารถแบ่งมาซื้อหุ้นคืนได้
2. เป็นหุ้นที่ย่อตัวลงมาในปีนี้
3. มี FREE FLOAT สูง (>40%) ไม่กดดันสภาพคล่องที่ลดลงหลังซื้อหุ้นคืน
4. มี PBV < 1 ราคาหุ้นลงมาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี
5. ผลประกอบการบริษัทยังมีกำไรในปีที่ผ่านมา
ได้ผลลัพธ์ “บริษัทขนาดใหญ่เข้าข่ายน่าซื้อหุ้นคืน” คือ AP, EGCO, RATCH, SCC, SPALI, STEC, TU ซึ่งหุ้นดังกล่าวถือว่าย่อตัวลงมาจนมี VALUATION น่าสนใจ พร้อมกับสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง น่าทยอยสะสม หวังราคาหุ้นกลับมา OUTPERFORM ตลาดในระยะถัดไป