Wealth Sharing
MTC เดินหน้าอย่างยั่งยืน! มั่นใจปีนี้โต 20% ตามเป้า พอร์ตสินเชื่อ Q3 แตะ 138,742 ล้านบาท มุ่งมั่นปล่อยสินเชื่อคุณภาพดี ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน
08 พฤศจิกายน 2566
บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล หรือ MTC เดินหน้าแผนพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ขยายสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ หนุนงบการเงินไตรมาส 3/66 พอร์ตสินเชื่อพุ่งแตะ 138,742 ล้านบาท ฟากผู้บริหาร “ปริทัศน์ เพชรอำไพ” มั่นใจปีนี้พอร์ตสินเชื่อโตได้ 20% ตามเป้า ยึดมั่นการบริการที่เป็นเลิศ มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น ด้วยการเป็นแหล่งเงินทุนที่เท่าเทียม เป็นธรรม โปร่งใส ตั้งเป้าปี ’69 พอร์ตสินเชื่อพุ่งแตะระดับ 2 แสนล้านบาท
นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) ผู้นำธุรกิจสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ของเมืองไทย เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/2566 (สิ้นสุด 31 กันยายน 2566) บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 6,299 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.49% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ5,185 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,285 ล้านบาท ขณะที่งวด 9 เดือน มีรายได้รวม 17,971 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.3% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 14,458 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3,555 ล้านบาท
โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้รายได้เพิ่มขึ้น มาจากการขยายสาขาที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีสาขารวมทั้งสิ้นจำนวน 7,365 สาขา และมียอดสินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 เท่ากับ 138,742 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.08% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นส่งมอบผลิตภัณฑ์สินเชื่อไมโครไฟแนนซ์อย่างมีความรับผิดชอบ ด้วยมาตรฐานการให้บริการที่เป็นเลิศ และคำนึงถึงลูกค้าเป็นหลัก ผ่านการขยายสาขาที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างเท่าเทียม เป็นธรรม และโปร่งใส ลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ได้รับการจัดอันดับอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ที่ระดับ A ประจำปี 2566 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน จากการประเมินทางมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2566 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai Institute of Directors : IOD) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในระดับดีเลิศ (Excellent CG Scoring) หรือ 5 ดาว และเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน สะท้อนการเป็นองค์กรผู้นำในอุตสาหกรรมที่มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนมาตลอดกว่า 30 ปี
สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2566 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน และมั่นใจว่าพอร์ตสินเชื่อจะเติบโตได้ 20% ตามเป้า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อคุณภาพดี ควบคู่กับการควบคุม NPL ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมทั้งยังคงเป้าหมายระยะยาวจะมีพอร์ตสินเชื่อถึงระดับ 200,000 ล้านบาทในปี 2569
นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) ผู้นำธุรกิจสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ของเมืองไทย เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/2566 (สิ้นสุด 31 กันยายน 2566) บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 6,299 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.49% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ5,185 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,285 ล้านบาท ขณะที่งวด 9 เดือน มีรายได้รวม 17,971 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.3% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 14,458 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3,555 ล้านบาท
โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้รายได้เพิ่มขึ้น มาจากการขยายสาขาที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีสาขารวมทั้งสิ้นจำนวน 7,365 สาขา และมียอดสินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 เท่ากับ 138,742 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.08% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นส่งมอบผลิตภัณฑ์สินเชื่อไมโครไฟแนนซ์อย่างมีความรับผิดชอบ ด้วยมาตรฐานการให้บริการที่เป็นเลิศ และคำนึงถึงลูกค้าเป็นหลัก ผ่านการขยายสาขาที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างเท่าเทียม เป็นธรรม และโปร่งใส ลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ได้รับการจัดอันดับอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ที่ระดับ A ประจำปี 2566 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน จากการประเมินทางมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2566 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai Institute of Directors : IOD) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในระดับดีเลิศ (Excellent CG Scoring) หรือ 5 ดาว และเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน สะท้อนการเป็นองค์กรผู้นำในอุตสาหกรรมที่มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนมาตลอดกว่า 30 ปี
สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2566 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน และมั่นใจว่าพอร์ตสินเชื่อจะเติบโตได้ 20% ตามเป้า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อคุณภาพดี ควบคู่กับการควบคุม NPL ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมทั้งยังคงเป้าหมายระยะยาวจะมีพอร์ตสินเชื่อถึงระดับ 200,000 ล้านบาทในปี 2569