by.พูเมซ่า
ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในเดือนพฤศจิกายน 2566 เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนีปรับตัวขึ้นมายืนได้เหนือระดับ 1,400 จุดได้ ซึ่งหลายๆคนยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นขาขึ้นได้หรือยัง ขณะที่บล.เอเซียพลัสประเมินว่า ตลาดหุ้นน่าจะได้แรงหนุน หลังจาก IMF มีการปรับ GDP ปีนี้และปีหน้าขึ้นจาก 5.0% และ 4.2% เป็น 5.4% และ 4.6% ตามลำดับ หลังรัฐบาลออกนโยบาย กระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้เม็ดเงินยังมีการไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่อง จาก BOND YIELD สหรัฐที่ขยับลงต่อเหลือ 4.56% ( -37 BPS. MTD) โดยส่วนใหญ่ จะเอนเอียงไปที่หุ้นเติบโตเป็นหลัก สะท้อนได้จากดัชนี MSCI GROWTH ขึ้นได้แรง กว่า MSCI VALUE ในเดือนนี้ถึง 5%
ส่วนตลาดหุ้นไทยที่ส่วนใหญ่เป็นหุ้น VALUE ได้กระแสจากประเด็นดังกล่าวน้อยกว่า บวกกับถูกกดดันจากราคา น้ำมันที่ย่อตัวแรงกว่า -4.5% ในวานนี้ แต่ยังมีกลุ่มหุ้นที่รับกระแสบวกจาก BOND YIELD ขยับลง คือ หุ้นรับกระแสดอกเบี้ยลง TIDLOR, MTC, SAWAD หุ้นเทคฯ HANA, KCE, DELTA, NEX, EA และหุ้น BETA สูงน่าลงทุน STEC, SIRI, GUNKUL เป็นต้น และหุ้นรับราคาน้ำมันขยับลง คือ หุ้นขนส่ง AAV, BEM, OR, หุ้น ANTI-COMMODITY BGRIM, GPSC, GULF, TASCO, SCCC, SCC, PTTGC ประเมินปัจจัยแวดล้อมมีน้ำหนักทางบวกมากกว่าลบ คาดช่วยพยุงให้ SET INDEX สามารถขยับตัวในกรอบ 1400 – 1416 จุด
ทั้งนี้จากการรวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในส่วนของพอร์ตลงทุนของกลุ่มพี่น้องตระกูลศรีวัฒนประภา ซึ่งเป็นเจ้าของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์และสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารงานของ"อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา"
ปัจจุบันกลุ่มพี่น้องตระกูลดังกล่าวได้มีการถือครองหุ้น จำนวน 8 บริษัท มีมูลค่าการถือครองรวมประมาณ 2.7 พันล้านบาท โดยแต่ละคนถือหุ้นในสัดส่วนที่แตกต่างกัน ดังนี้
|
|
|
อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา |
จำนวน(หุ้น) |
%การถือครอง |
7UP |
250,000,000 |
4.86 |
CFRESH |
20,000,000 |
2.16 |
SAK |
12,000,000 |
0.57 |
WP |
84,998,404 |
16.39 |
วรมาศ ศรีวัฒนประภา |
|
|
BYD |
150,366,000 |
3.56 |
อรุณรุ่ง ศรีวัฒนประภา |
|
|
CHASE |
20,000,000 |
1.01 |
RS |
52,250,000 |
4.88 |
อภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา |
|
|
CHASE |
20,000,000 |
1.01 |
ORN |
4,962,300 |
0.33 |
RS |
47,758,810 |
4.46 |
|
|
|
ทั้งนี้จากข้อมูลข้างต้นจะพบว่า “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา”ถือครองหุ้นจำนวนมากสุด 4 บริษัท ได้แก่ 7UP,CFRESH,SAK,WP
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากพิจารณาที่มูลค่าการถือครองสูงสุด จะพบว่าตระกูลศรีวัฒนประภามีการถือครองหุ้น RS มากที่สุด โดยมีจำนวนหุ้นที่ถือครองรวมกันอยู่ที่ 100 ล้านหุ้น มูลค่าการถือ ปัจจุบันอยู่ที่ 1,433 ล้านบาท
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นRS ณ วันที่ 5 ตุลาคม 2566 ได้แก่
|
|
|
รายชื่อ
|
จำนวน(หุ้น) |
%การถือครอง |
นาย สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ |
255,499,999 |
23.88 |
นาย โสรัตน์ วณิชวรากิจ |
107,800,000 |
10.08 |
ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) |
58,365,090 |
5.46 |
น.ส. อรุณรุ่ง ศรีวัฒนประภา |
52,250,000 |
4.88 |
น.ส. พัทธ์ธีรา ไพรัชเวทย์ โดย บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) |
48,800,243 |
4.56 |
นาย อภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา |
47,758,810 |
4.46 |
บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด |
41,044,550 |
3.84 |
นาย พงศา ไพรัชเวทย์ โดย บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) |
34,812,811 |
3.25 |
บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เพื่อทำธุรกรรม BLOCK TRADE |
22,000,000 |
2.06 |
บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (LNS) |
18,620,100 |
1.74 |
|
|
|
บล.กรุงศรี พัฒนสิน ประเมินว่า RS (Neutral, TP-14) คาดกำไร 3Q23F ฟื้นเด่นจากการขายหุ้น บ.ร่วม เนื่องจากมอง Neutral ต่อแนวโน้มกำไรสุทธิ 3Q23F ที่ 833 ลบ. (+920% y-y +800% q-q) เติบโตสูงจากกำไรพิเศษขายหุ้น บ.ร่วมตามคาด ส่วนกำไรปกติ 73 ลบ. (-10% y-y -7% q-q) ลดลงจากอัตราการทำกำไรลดลง แม้ภาพรวมรายได้รวม (+9% y-y +7% q-q) จะฟื้นตัวก็ตาม คงคำแนะนำ Neutral ราคาเป้าหมาย (TP24F) 14 บาท