Wealth Sharing
ILM ท็อปฟอร์ม กำไร 9 เดือนออลไทม์ไฮ ยอดซื้อสินค้าผ่านร้านค้าปลีก-ออนไลน์โตต่อเนื่อง
10 พฤศจิกายน 2566
นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ผู้นำธุรกิจร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านครบวงจรในประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินการไตรมาส 3/2566 (กรกฎาคม-กันยายน 2566) ของบริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างสูง มีกำไรสุทธิรายไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 191.5 ล้านบาท เติบโต 25.5% YOY และรายได้รวม 2,417.8 ล้านบาท เติบโต 8.9% YoY โดยรายได้จากการขายเติบโต 10.1% YoY จากช่องทางร้านค้าปลีกของบริษัทฯ เป็นหลัก โดยเฉพาะการเติบโตของสาขาในจังหวัดสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ขณะที่รายได้จากการให้เช่าและบริการรักษาการเติบโตที่ 2.0% YoY
จากผลการดำเนินงานดังกล่าวส่งผลให้ ILM ทำกำไรสุทธิงวด 9 เดือนของปีนี้ทำสถิติสูงสุดที่ 529.4 ล้านบาท เติบโต 11.3% YoY และมีรายได้รวม 6,846.0 ล้านบาท เติบโต 4.7% YoY โดยมีปัจจัยสนับสนุนการขายผ่านช่องทางร้านค้าปลีก เนื่องจากพฤติกรรมของลูกค้ายังคงมาซื้อสินค้าที่ร้านอินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันช่องทางออนไลน์ก็ยังคงรักษาการเติบโตได้อย่างดีทั้งในส่วนของแพลตฟอร์มของทางบริษัทฯ และในแพลตฟอร์มของมาร์เก็ตเพลสอื่นๆ ที่เป็นพันธมิตรร่วมกัน นอกจากนี้รายได้จากการให้เช่าและบริการก็ยังคงมีการเติบโต ซึ่งเมื่อรวมกับความสามารถในการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น อัตราส่วนกำไรปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างสถิติใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2566 ทางบริษัทฯ ได้เปิดให้บริการ LITTLE WALK (แห่งที่ 4) สาขากรุงเทพ-กรีฑา บนพื้นที่กว่า 7 ไร่ มีพื้นที่เช่ากว่า 5,300 ตร.ม. เป็นไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้งมอลล์แห่งใหม่ บนถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตชานเมืองที่สมบูรณ์แบบอย่างลงตัว และด้วยศักยภาพของถนนกรุงเทพ-กรีฑา ที่มีการพัฒนาพื้นที่ย่านนี้อย่างก้าวกระโดด ทำให้โครงการได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สามารถปิดดีลจากร้านค้าเช่า 100% ได้ในเวลาอันรวดเร็ว พร้อมวางแผนขยาย Little Walk อีก 2 แห่งในปี 2567 ซึ่งเป็นไปตามแผนที่ต้องการเพิ่มพื้นที่เช่าประมาณปีละ 5,000–8,000 ตร.ม. นอกจากนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างปรับโฉมอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ สาขาพัทยา ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพ.ย.นี้
“แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี อาจจะต้องเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งทางบริษัทฯ ก็ได้มีการติดตามสถานการณ์และประเมินผลกระทบอย่างสม่ำเสมอ และยังคงมีความเชื่อมั่นในการเติบโตของผลประกอบการ เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4 ถือว่าเป็นช่วงไฮซีซั่นที่พฤติกรรมของลูกค้าจะเริ่มปรับเปลี่ยนการตกแต่งที่อยู่อาศัยรับกับเทรนด์ใหม่ และต้องการสร้างบรรยากาศภายในบ้านเพื่อรับกับเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองปีใหม่ โดยประเมินว่ายอดขายหน้าร้านค้าปลีกและช่องทางออนไลน์ของบริษัทฯ จะยังคงเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเติบโตของรายได้จากพื้นที่เช่า ที่มีการขยายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จะสามารถช่วยผลักดันผลการดำเนินงานทั้งปีให้เติบโตตามเป้าหมาย” นางสาวกฤษชนก กล่าว
นอกจากนี้การดำเนินธุรกิจเพื่อให้บรรลุเป้าหมายแล้ว บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานการบริหารงาน ที่ดีอย่างยั่งยืน (ESG) ในทุกมิติ โดยตระหนักถึงความคาดหวังและผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้าน โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน “หุ้นยั่งยืน” หรือ SET ESG Ratings ประจำปี 2566 (ระดับ BBB) ในกลุ่มบริการ (Service) เป็นปีแรก โดยในปีนี้ เป็นปีแรกที่บริษัทได้เข้าร่วมและสามารถผ่านการประเมินเข้าเป็น 1 ใน 193 บริษัทจดทะเบียน จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนด้วยความรับผิดชอบและใส่ใจด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social, Governance : ESG)
นอกจากนี้ยังโชว์ศักยภาพความเป็นเลิศด้านการดำเนินงาน ได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ 5 ดาว หรือ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 (2563-2566) และติดหนึ่งใน Top Quartile Companies ประจำปี 2566 เป็นปีแรก ในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียน (Corporate Governance Report of Thail Listed Companies : CGR) ประจำปี 2566 โดยสมาคมส่งเสริมกรรมการบริษัทไทย (IOD) ภายใต้การสนับสนุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมถึงได้รับการประเมินจากโครงการประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประจำปี 2566 (AGM Checklist) ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย โดยในปีนี้ ILM ได้รับคะแนนสูงสุด 100 คะแนนเต็ม หรือ “ระดับดีเยี่ยม” ซึ่งสะท้อนให้เห็นความตั้งใจของบริษัท ที่ดำเนินธุรกิจโดยมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี โปร่งใส ปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียอย่างเท่าเทียมกัน และส่งเสริมให้ผู้ถือหุ้นได้มีส่วนร่วมในการบริหารงาน ทั้งนี้ ILM ยังคงมุ่งเน้นที่จะรักษาและพัฒนาประสิทธิภาพการจัดประชุมผู้ถือหุ้นให้อยู่ในมาตรฐานที่ดียิ่งขึ้นในทุกปี
การได้รับผลการประเมินดังกล่าวนี้ เป็นการสะท้อนและตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงการดำเนินงานด้านความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ควบคู่กับการยึดถือหลักบรรษัทภิบาล เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ตลอดจนการดำเนินธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน ภายใต้แนวคิดหลัก ‘Sustainable Living for Future Lifestyle’ สู่การใช้ชีวิตแห่งอนาคตที่ยั่งยืน” นางสาวกฤษชนก กล่าว
จากผลการดำเนินงานดังกล่าวส่งผลให้ ILM ทำกำไรสุทธิงวด 9 เดือนของปีนี้ทำสถิติสูงสุดที่ 529.4 ล้านบาท เติบโต 11.3% YoY และมีรายได้รวม 6,846.0 ล้านบาท เติบโต 4.7% YoY โดยมีปัจจัยสนับสนุนการขายผ่านช่องทางร้านค้าปลีก เนื่องจากพฤติกรรมของลูกค้ายังคงมาซื้อสินค้าที่ร้านอินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันช่องทางออนไลน์ก็ยังคงรักษาการเติบโตได้อย่างดีทั้งในส่วนของแพลตฟอร์มของทางบริษัทฯ และในแพลตฟอร์มของมาร์เก็ตเพลสอื่นๆ ที่เป็นพันธมิตรร่วมกัน นอกจากนี้รายได้จากการให้เช่าและบริการก็ยังคงมีการเติบโต ซึ่งเมื่อรวมกับความสามารถในการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น อัตราส่วนกำไรปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างสถิติใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2566 ทางบริษัทฯ ได้เปิดให้บริการ LITTLE WALK (แห่งที่ 4) สาขากรุงเทพ-กรีฑา บนพื้นที่กว่า 7 ไร่ มีพื้นที่เช่ากว่า 5,300 ตร.ม. เป็นไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้งมอลล์แห่งใหม่ บนถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตชานเมืองที่สมบูรณ์แบบอย่างลงตัว และด้วยศักยภาพของถนนกรุงเทพ-กรีฑา ที่มีการพัฒนาพื้นที่ย่านนี้อย่างก้าวกระโดด ทำให้โครงการได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สามารถปิดดีลจากร้านค้าเช่า 100% ได้ในเวลาอันรวดเร็ว พร้อมวางแผนขยาย Little Walk อีก 2 แห่งในปี 2567 ซึ่งเป็นไปตามแผนที่ต้องการเพิ่มพื้นที่เช่าประมาณปีละ 5,000–8,000 ตร.ม. นอกจากนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างปรับโฉมอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ สาขาพัทยา ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพ.ย.นี้
“แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี อาจจะต้องเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งทางบริษัทฯ ก็ได้มีการติดตามสถานการณ์และประเมินผลกระทบอย่างสม่ำเสมอ และยังคงมีความเชื่อมั่นในการเติบโตของผลประกอบการ เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4 ถือว่าเป็นช่วงไฮซีซั่นที่พฤติกรรมของลูกค้าจะเริ่มปรับเปลี่ยนการตกแต่งที่อยู่อาศัยรับกับเทรนด์ใหม่ และต้องการสร้างบรรยากาศภายในบ้านเพื่อรับกับเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองปีใหม่ โดยประเมินว่ายอดขายหน้าร้านค้าปลีกและช่องทางออนไลน์ของบริษัทฯ จะยังคงเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเติบโตของรายได้จากพื้นที่เช่า ที่มีการขยายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จะสามารถช่วยผลักดันผลการดำเนินงานทั้งปีให้เติบโตตามเป้าหมาย” นางสาวกฤษชนก กล่าว
นอกจากนี้การดำเนินธุรกิจเพื่อให้บรรลุเป้าหมายแล้ว บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานการบริหารงาน ที่ดีอย่างยั่งยืน (ESG) ในทุกมิติ โดยตระหนักถึงความคาดหวังและผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้าน โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน “หุ้นยั่งยืน” หรือ SET ESG Ratings ประจำปี 2566 (ระดับ BBB) ในกลุ่มบริการ (Service) เป็นปีแรก โดยในปีนี้ เป็นปีแรกที่บริษัทได้เข้าร่วมและสามารถผ่านการประเมินเข้าเป็น 1 ใน 193 บริษัทจดทะเบียน จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนด้วยความรับผิดชอบและใส่ใจด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social, Governance : ESG)
นอกจากนี้ยังโชว์ศักยภาพความเป็นเลิศด้านการดำเนินงาน ได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ 5 ดาว หรือ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 (2563-2566) และติดหนึ่งใน Top Quartile Companies ประจำปี 2566 เป็นปีแรก ในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียน (Corporate Governance Report of Thail Listed Companies : CGR) ประจำปี 2566 โดยสมาคมส่งเสริมกรรมการบริษัทไทย (IOD) ภายใต้การสนับสนุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมถึงได้รับการประเมินจากโครงการประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประจำปี 2566 (AGM Checklist) ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย โดยในปีนี้ ILM ได้รับคะแนนสูงสุด 100 คะแนนเต็ม หรือ “ระดับดีเยี่ยม” ซึ่งสะท้อนให้เห็นความตั้งใจของบริษัท ที่ดำเนินธุรกิจโดยมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี โปร่งใส ปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียอย่างเท่าเทียมกัน และส่งเสริมให้ผู้ถือหุ้นได้มีส่วนร่วมในการบริหารงาน ทั้งนี้ ILM ยังคงมุ่งเน้นที่จะรักษาและพัฒนาประสิทธิภาพการจัดประชุมผู้ถือหุ้นให้อยู่ในมาตรฐานที่ดียิ่งขึ้นในทุกปี
การได้รับผลการประเมินดังกล่าวนี้ เป็นการสะท้อนและตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงการดำเนินงานด้านความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ควบคู่กับการยึดถือหลักบรรษัทภิบาล เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ตลอดจนการดำเนินธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน ภายใต้แนวคิดหลัก ‘Sustainable Living for Future Lifestyle’ สู่การใช้ชีวิตแห่งอนาคตที่ยั่งยืน” นางสาวกฤษชนก กล่าว