บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (JMART) เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 พลิกฟื้นทำกำไรตามนัด อยู่ที่ 293 ล้านบาท หลังจากไตรมาส 2/2566 มีผลขาดทุน (611) ล้านบาท และสนับสนุนงวด 9 เดือนแรกของปีนี้มีผลขาดทุนสุทธิลดลงอยู่ที่ (613) ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุสำคัญจากผลขาดทุนในบริษัทร่วม บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (SINGER) และ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (SGC) ที่ได้รับผลกระทบจากการตั้งสำรองลูกหนี้ รวมทั้ง ความพยายามในการปรับกลยุทธ์ให้ดีที่สุด และคาดจะมีทิศทางเป็นบวกต่อเนื่องในไตรมาส 4/2566 ทำนิวไฮของปี และยืนยันเป้าปี 2567 JMART จะกลับมาทำ All Time High ได้อีกครั้ง
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (JMART) กล่าวว่า เราใช้เวลาพิสูจน์มาแล้วตั้งแต่เริ่มไตรมาส 3/2566 ผลประกอบการของ SINGER และ SGC ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และเชื่อว่า จะกลับขึ้นมาสร้างผลประกอบการที่ดีขึ้นตามระยะเวลาจากนี้ไป กำไรกลับมาเป็นบวก แม้ในไตรมาสนี้ยังบวกไม่มาก แต่ส่งสัญญาณว่าเราจัดการภายในและเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจให้ชัดเจนขึ้น ปัญหาก็ได้แก้ไขไปหมดแล้ว โดยมี Key Driver คือ JMT และเชื่อว่าจะดีต่อเนื่องในไตรมาส 4/2566 และปีหน้า รวมทั้ง ผลบวกที่ค่อนข้างชัดเจนจาก JAS ASSET (J) มีกำไรที่โดดเด่น และการลงทุนที่คุ้มค่าจากสุกี้ตี๋น้อย (TEENOI) ที่สามารถสร้างผลกำไรให้ JMART มากขึ้นๆ และยังมีการขยายทุกเดือน ในงวดไตรมาส 3/2566 สุกี้ตี๋น้อยมีกำไรสุทธิ 255 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 676 ล้านบาท มีสาขาจำนวน 50 สาขา คาดสิ้นปีไฮซีซั่น และมีการเปิดสาขาเพิ่มเป็น 55 สาขา เตรียมเปิดที่โคราช 2 สาขา พัทยาเหนือ 1 สาขา และ สมุทรปราการ 2 สาขา โดยเน้นออกต่างจังหวัดมากขึ้น รวมถึงการ Synergy ที่เราทำอยู่ เริ่มเก็บเกี่ยวผลงานอย่างดี
มองภาพรวม เราก็ยังเชื่อว่าในไตรมาสที่ 4/2566 JMT - JAS ASSET (J) – SINGER - SGC – TEENOI - JAYMART MOBILE ยังส่งผลกำไรในเชิงบวก มองไตรมาส 4/2566 ดีกว่าไตรมาส 3/2566 โดยโครงสร้างของกลุ่ม เราเน้นเรื่องคอมเมิร์ซ และไฟแนนซ์ เราเชื่อว่าทั้งสองธุรกิจจะโตได้ต้องมีเทคโนโลยี เราจะไปสู่คอมเมิร์ซเทคฯ และฟินเทคฯ อยากให้ทุกท่านติดตาม ทั้งในการทำ CRM ผูกกับลูกค้า หรือใช้เทคโนโลยีผูกกับ J POINT ตอนนี้เรามีพาร์ทเนอร์จำนวนมาก และกำลังเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยได้ทาง J Ventures มาสร้างพื้นฐานที่ให้เรา มีพอยท์ในรูปแบบดิจิทัล ทำให้เราสนุกกับการบริการลูกค้า เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า และเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้า ผมเชื่อว่า สิ่งที่เราทำมาหลายปีในเรื่อง JPOINT และ J Wallet ทำให้เรามี Marketing tools ที่แข็งแกร่งในอนาคต และสนับสนุนให้กลุ่มบริษัทเจมาร์ทมีผลกำไรในเชิงบวก และน่าจะทำ New High ได้ในปี 2567 ภายใต้ SINGER SGC ที่เป็นบวก และสร้างฐานการเดินไปข้างหน้าอย่างแข็งแรง ให้สิ่งที่เราทำมาทั้งหมดเป็นเครื่องพิสูจน์ และส่งผลบวกมาที่เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ นอกจากนี้ ปัจจุบันเรามีความแข็งแกร่งทางการเงิน มี IBD/E เพียง 0.72 เท่า
ขณะที่ นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) (JMT) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 มีกำไรสุทธิ 466.3 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 2.4% มีรายได้รวม 1,307.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 18.8% ขณะที่งวด 9 เดือนปีนี้มีกำไรสุทธิ 1,470.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.1% รายได้ 3,707.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 13.5% มาจากรายได้ที่ทำสัญญากับลูกค้า รายได้ดอกเบี้ย-กำไรจากเงินให้สินเชื่อการซื้อลูกหนี้ และรายได้รายรับประกันภัยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทฯ มียอดจัดเก็บกระแสเงินสดในไตรมาส 3/2566 เท่ากับ 1,330 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย และงวด 9 เดือน บริษัทฯ มียอดจัดเก็บเท่ากับ 4,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และได้ลงทุนในหนี้ด้อยคุณภาพรวมทั้งปีนี้แล้ว 6,302 ล้านบาท และมีหนี้ด้อยคุณภาพสะสมในปีนี้แล้วกว่า 1 แสนล้านบาท และมั่นใจโค้งสุดท้ายของปีไฮซีซั่นของการซื้อหนี้เข้ามาบริหาร
ปัจจุบัน อยู่ระหว่างประมูลซื้อหนี้ด้อยคุณภาพกับสถาบันการเงิน โดยเป็นอีกปีที่ JMT ซื้อหนี้เข้ามามากที่สุด ทำ All Time High ส่งผลบวกต่อบริษัทฯ ในปีนี้ และปี 2567 อย่างไรก็ดี ยอดการจัดเก็บ (Cash Collection) ลดลง จากสภาวะเศรษฐกิจในไตรมาส 3/2566 และเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นแล้วในเดือนกันยายน โดยตั้งเป้าหมายกลับคืนฟอร์มในไตรมาสที่ 4 ปีนี้
นายนราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (SINGER) เปิดเผย ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 3/2566 กำไรสุทธิทำได้ที่ 13 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิในไตรมาส 2/2566 ที่ (2,396) ล้านบาท ขณะที่ รายได้รวม 675 ล้านบาท ย้ำความมั่นใจ เราไม่มีค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ และผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/2566 พร้อมเดินหน้าสร้างฐานการเติบโตครั้งใหม่ และสามารถลดค่าใช้จ่ายในการบริหารได้ 40% ดีกว่าคาด
ด้าน นายอโณทัย ศรีเตียเพ็ชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (SGC) บริษัทในกลุ่ม SINGER เปิดเผยภาพรวมไตรมาส 3/2566 ทำกำไรที่ 8.23 ล้านบาท จาก มีรายได้รวม 493.59 ล้านบาท พลิกฟื้นจากผลขาดทุนสุทธิในไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ (1,919) ล้านบาท โดยบริษัทได้มุ่งเน้นการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างต่อเนื่องและมีการพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างระมัดระวังเพื่อรองรับคุณภาพของสินเชื่อภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงฟื้นตัวเฉพาะส่วน
เพื่อสร้างฐานการเติบโตอย่างมีคุณภาพ บริษัทพิจารณาการปล่อยสินเชื่ออย่างรัดกุม โดย ณ สิ้นงวดไตรมาส 3/2566 ปล่อยสินเชื่อใหม่ 1,376 ล้านบาท โดยยังคงโฟกัสสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (C4C) สนับสนุนให้มูลค่าของพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ 13,831 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (C4C) ภายใต้แบรนด์รถทำเงิน 76% และมีสินเชื่อเช่าซื้อ (HP) 20.3% และอื่นๆ 3.7% ของพอร์ตสินเชื่อรวม
ด้าน NPL ยังอยู่ในระดับสูง แต่หากมาดูพอร์ตสินเชื่อใหม่ก็ทำได้ดีมี NPL อยู่ที่ 3-5% จากการควบคุมคุณภาพสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจเราสร้างฐานการติบโตครั้งใหม่ มุ่งสู่ปี 2567 กลับมาคืนฟอร์ม
ด้าน นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) (J) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ประจำไตรมาส 3/2566 มีผลกำไรสุทธิ 129.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 617.2% และ งวด 9 เดือน ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 134.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 74.7% โดยสาเหตุที่บริษัทมีผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนและรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นจากการเปิดศูนย์การค้าแห่งใหม่ JAS Green Village บางบัวทอง ในช่วงไตรมาส 3/2566
ขณะที่ภาพรวมรายได้รวมมีการเติบโตที่ดี มีสาเหตุหลักจากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจากโครงการ JAS Green Village คู้บอน และ JAS Urban ศรีนครินทร์ เป็นหลัก รวมถึงรายได้ค่าสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้นจากการใช้ไฟฟ้าและการปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าให้สอดคล้องกับต้นทุนค่าไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มขึ้นของรายได้ในโครงการ Senera Senior Wellness จากการส่งมอบพื้นที่ให้ Senera ViMUT Health Service ด้านผู้บริหารเผยทิศทางปี 67 ไฟเขียวลุยพัฒนาโปรเจกต์ JAS Green Village 3 แห่งที่ รามคำแหง - ประเวศ และ ขอนแก่น หนุนภาพรวมรายได้จากการเช่าเติบโต ขณะที่ โครงการ Senera Senior Wellness เข้ามาเสริมทัพ หนุนผลงานโตไม่หยุด
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (JMART) กล่าวว่า เราใช้เวลาพิสูจน์มาแล้วตั้งแต่เริ่มไตรมาส 3/2566 ผลประกอบการของ SINGER และ SGC ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และเชื่อว่า จะกลับขึ้นมาสร้างผลประกอบการที่ดีขึ้นตามระยะเวลาจากนี้ไป กำไรกลับมาเป็นบวก แม้ในไตรมาสนี้ยังบวกไม่มาก แต่ส่งสัญญาณว่าเราจัดการภายในและเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจให้ชัดเจนขึ้น ปัญหาก็ได้แก้ไขไปหมดแล้ว โดยมี Key Driver คือ JMT และเชื่อว่าจะดีต่อเนื่องในไตรมาส 4/2566 และปีหน้า รวมทั้ง ผลบวกที่ค่อนข้างชัดเจนจาก JAS ASSET (J) มีกำไรที่โดดเด่น และการลงทุนที่คุ้มค่าจากสุกี้ตี๋น้อย (TEENOI) ที่สามารถสร้างผลกำไรให้ JMART มากขึ้นๆ และยังมีการขยายทุกเดือน ในงวดไตรมาส 3/2566 สุกี้ตี๋น้อยมีกำไรสุทธิ 255 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 676 ล้านบาท มีสาขาจำนวน 50 สาขา คาดสิ้นปีไฮซีซั่น และมีการเปิดสาขาเพิ่มเป็น 55 สาขา เตรียมเปิดที่โคราช 2 สาขา พัทยาเหนือ 1 สาขา และ สมุทรปราการ 2 สาขา โดยเน้นออกต่างจังหวัดมากขึ้น รวมถึงการ Synergy ที่เราทำอยู่ เริ่มเก็บเกี่ยวผลงานอย่างดี
มองภาพรวม เราก็ยังเชื่อว่าในไตรมาสที่ 4/2566 JMT - JAS ASSET (J) – SINGER - SGC – TEENOI - JAYMART MOBILE ยังส่งผลกำไรในเชิงบวก มองไตรมาส 4/2566 ดีกว่าไตรมาส 3/2566 โดยโครงสร้างของกลุ่ม เราเน้นเรื่องคอมเมิร์ซ และไฟแนนซ์ เราเชื่อว่าทั้งสองธุรกิจจะโตได้ต้องมีเทคโนโลยี เราจะไปสู่คอมเมิร์ซเทคฯ และฟินเทคฯ อยากให้ทุกท่านติดตาม ทั้งในการทำ CRM ผูกกับลูกค้า หรือใช้เทคโนโลยีผูกกับ J POINT ตอนนี้เรามีพาร์ทเนอร์จำนวนมาก และกำลังเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยได้ทาง J Ventures มาสร้างพื้นฐานที่ให้เรา มีพอยท์ในรูปแบบดิจิทัล ทำให้เราสนุกกับการบริการลูกค้า เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า และเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้า ผมเชื่อว่า สิ่งที่เราทำมาหลายปีในเรื่อง JPOINT และ J Wallet ทำให้เรามี Marketing tools ที่แข็งแกร่งในอนาคต และสนับสนุนให้กลุ่มบริษัทเจมาร์ทมีผลกำไรในเชิงบวก และน่าจะทำ New High ได้ในปี 2567 ภายใต้ SINGER SGC ที่เป็นบวก และสร้างฐานการเดินไปข้างหน้าอย่างแข็งแรง ให้สิ่งที่เราทำมาทั้งหมดเป็นเครื่องพิสูจน์ และส่งผลบวกมาที่เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ นอกจากนี้ ปัจจุบันเรามีความแข็งแกร่งทางการเงิน มี IBD/E เพียง 0.72 เท่า
ขณะที่ นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) (JMT) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 มีกำไรสุทธิ 466.3 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 2.4% มีรายได้รวม 1,307.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 18.8% ขณะที่งวด 9 เดือนปีนี้มีกำไรสุทธิ 1,470.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.1% รายได้ 3,707.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 13.5% มาจากรายได้ที่ทำสัญญากับลูกค้า รายได้ดอกเบี้ย-กำไรจากเงินให้สินเชื่อการซื้อลูกหนี้ และรายได้รายรับประกันภัยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทฯ มียอดจัดเก็บกระแสเงินสดในไตรมาส 3/2566 เท่ากับ 1,330 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย และงวด 9 เดือน บริษัทฯ มียอดจัดเก็บเท่ากับ 4,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และได้ลงทุนในหนี้ด้อยคุณภาพรวมทั้งปีนี้แล้ว 6,302 ล้านบาท และมีหนี้ด้อยคุณภาพสะสมในปีนี้แล้วกว่า 1 แสนล้านบาท และมั่นใจโค้งสุดท้ายของปีไฮซีซั่นของการซื้อหนี้เข้ามาบริหาร
ปัจจุบัน อยู่ระหว่างประมูลซื้อหนี้ด้อยคุณภาพกับสถาบันการเงิน โดยเป็นอีกปีที่ JMT ซื้อหนี้เข้ามามากที่สุด ทำ All Time High ส่งผลบวกต่อบริษัทฯ ในปีนี้ และปี 2567 อย่างไรก็ดี ยอดการจัดเก็บ (Cash Collection) ลดลง จากสภาวะเศรษฐกิจในไตรมาส 3/2566 และเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นแล้วในเดือนกันยายน โดยตั้งเป้าหมายกลับคืนฟอร์มในไตรมาสที่ 4 ปีนี้
นายนราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (SINGER) เปิดเผย ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 3/2566 กำไรสุทธิทำได้ที่ 13 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิในไตรมาส 2/2566 ที่ (2,396) ล้านบาท ขณะที่ รายได้รวม 675 ล้านบาท ย้ำความมั่นใจ เราไม่มีค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ และผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/2566 พร้อมเดินหน้าสร้างฐานการเติบโตครั้งใหม่ และสามารถลดค่าใช้จ่ายในการบริหารได้ 40% ดีกว่าคาด
ด้าน นายอโณทัย ศรีเตียเพ็ชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (SGC) บริษัทในกลุ่ม SINGER เปิดเผยภาพรวมไตรมาส 3/2566 ทำกำไรที่ 8.23 ล้านบาท จาก มีรายได้รวม 493.59 ล้านบาท พลิกฟื้นจากผลขาดทุนสุทธิในไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ (1,919) ล้านบาท โดยบริษัทได้มุ่งเน้นการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างต่อเนื่องและมีการพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างระมัดระวังเพื่อรองรับคุณภาพของสินเชื่อภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงฟื้นตัวเฉพาะส่วน
เพื่อสร้างฐานการเติบโตอย่างมีคุณภาพ บริษัทพิจารณาการปล่อยสินเชื่ออย่างรัดกุม โดย ณ สิ้นงวดไตรมาส 3/2566 ปล่อยสินเชื่อใหม่ 1,376 ล้านบาท โดยยังคงโฟกัสสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (C4C) สนับสนุนให้มูลค่าของพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ 13,831 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (C4C) ภายใต้แบรนด์รถทำเงิน 76% และมีสินเชื่อเช่าซื้อ (HP) 20.3% และอื่นๆ 3.7% ของพอร์ตสินเชื่อรวม
ด้าน NPL ยังอยู่ในระดับสูง แต่หากมาดูพอร์ตสินเชื่อใหม่ก็ทำได้ดีมี NPL อยู่ที่ 3-5% จากการควบคุมคุณภาพสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจเราสร้างฐานการติบโตครั้งใหม่ มุ่งสู่ปี 2567 กลับมาคืนฟอร์ม
ด้าน นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) (J) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ประจำไตรมาส 3/2566 มีผลกำไรสุทธิ 129.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 617.2% และ งวด 9 เดือน ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 134.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 74.7% โดยสาเหตุที่บริษัทมีผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนและรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นจากการเปิดศูนย์การค้าแห่งใหม่ JAS Green Village บางบัวทอง ในช่วงไตรมาส 3/2566
ขณะที่ภาพรวมรายได้รวมมีการเติบโตที่ดี มีสาเหตุหลักจากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจากโครงการ JAS Green Village คู้บอน และ JAS Urban ศรีนครินทร์ เป็นหลัก รวมถึงรายได้ค่าสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้นจากการใช้ไฟฟ้าและการปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าให้สอดคล้องกับต้นทุนค่าไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มขึ้นของรายได้ในโครงการ Senera Senior Wellness จากการส่งมอบพื้นที่ให้ Senera ViMUT Health Service ด้านผู้บริหารเผยทิศทางปี 67 ไฟเขียวลุยพัฒนาโปรเจกต์ JAS Green Village 3 แห่งที่ รามคำแหง - ประเวศ และ ขอนแก่น หนุนภาพรวมรายได้จากการเช่าเติบโต ขณะที่ โครงการ Senera Senior Wellness เข้ามาเสริมทัพ หนุนผลงานโตไม่หยุด