Talk of The Town

HL ส่งซิกผลงาน Q4/66 สดใส ลุยเปิดสาขาใหม่อีก 5 แห่ง ดันสิ้นปีนี้ 50 แห่ง


14 พฤศจิกายน 2566
บมจ.เฮลท์ลีด (HL) แย้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2566 เติบโตต่อเนื่อง ผลจากยอดขายผลิตภัณฑ์กลุ่มยาและอาหารเสริมเพิ่มขึ้น และสาขาที่เปิดเมื่อปีก่อนเริ่มทยอยคืนทุน จ่อเปิดสาขาใหม่อีก 5 แห่ง ดันสิ้นปีนี้สาขาครบ 50 แห่งตามเป้าหมาย ขณะที่ผลงานไตรมาส 3/66 รายได้แตะ 416.57 ล้านบาท รับอานิสงส์ยอดขาย “กลุ่มยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร-กลุ่มสินค้าสุขภาพภายนอกร่างกาย-กลุ่มสินค้าบริโภค” คึกคัก ระบุ 9 เดือนแรก มีรายได้แล้ว 1,193.25  ล้านบาท สนับสนุนผลงานปีนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

HL ส่งซิกผลงาน.jpg

ภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) (HL) เปิดเผยว่า คาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2566 จะเติบโตต่อเนื่อง จากความสามารถในการทำกำไรจากสาขาใหม่ที่เปิดช่วงปี 2565 จะเริ่มทยอยคืนทุน ทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายลดลง ขณะที่ยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาและอาหารเสริมปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยรายได้ 9 เดือนอยู่ที่ 1,193.25   ล้านบาท ทำให้มั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน

ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 ได้ดำเนินการเปิดสาขาใหม่เพิ่มทั้งสิ้น 7 สาขา ส่งผลให้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 กลุ่มบริษัทฯ มีร้านขายยาเปิดดำเนินการแล้วรวม 43 สาขา นอกจากนี้ ในช่วงต้นไตรมาส 4/2566 กลุ่มบริษัทฯ ได้เปิดดำเนินการร้านขายยาเพิ่มอีก 2 สาขา โดยตั้งเป้าสิ้นปีนี้มีสาขาครบ 50 สาขา โดยเตรียมเปิดสาขาใหม่อีก 5 สาขาในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งจะให้บริการสาขาขนาดใหญ่ที่สุด 550 ตารางเมตร ที่ “Rama Health Space @ Paradise Park” ในช่วงปลายปีนี้ หรือเดือนธันวาคม 2566 โดยมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคอย่างแน่นอน

ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 416.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.44% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 402.71 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้า ได้แก่ 1.กลุ่มยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเติบโต 10.23% 2.กลุ่มสินค้าสุขภาพภายนอกร่างกาย เติบโต 11.54% และ 3.กลุ่มสินค้าบริโภค เติบโต 27.01% ซึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 กลุ่มนี้มีสัดส่วน 85.90% ของรายได้จากการขายในงวดปัจจุบัน ทั้งนี้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 16.21 ล้านบาท 

นอกจากนี้ กลุ่มบริษัท ไม่มีเงินกู้จากสถาบันการเงิน หลังจากได้ชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงินทั้งหมดในไตรมาส 2 ปี 2565 ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่ำ 0.39 เท่า
HL