บี จิสติกส์ B โชว์งบหรูไตรมาส3/66 กำไรพุ่ง 587% รายได้รวมทะยานกว่า 65% หลังเดอะเมกะวัตต์ รับรู้รายได้จากการขายไฟ 40 ล้านบาท มั่นใจโค้งสุดท้ายของปีผลงานโตตามเป้าหมาย พร้อมขอบคุณผู้ถือหุ้นที่เชื่อมั่นใส่เงินเพิ่มทุน RO กว่า 1.2 พันล้าน หนุนฐานะการเงินที่มั่นคง มีความพร้อมในการขยายการลงทุนใหม่ ๆ ที่จะต่อยอดและเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่ม B
ดร.ปัญญา บุญญาภิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี จิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2566 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 37.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 587.48 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 31.81 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 97.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 38.66 ล้านบาท หรือคิดเป็น 65.17 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 59.33 ล้านบาท
ดร.ปัญญา กล่าวต่อว่า การที่รายได้รวมของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง เนื่องจากบริษัท เดอะ เมกะวัตต์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท มีการรับรู้รายได้จากจากการขายไฟฟ้า 40.28 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยจากการปล่อยกู้ 21.61 ล้านบาท หลังจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 มีมติให้เพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของบริษัท ข้อ 51 ให้กู้ยืมแก่ บุคคล นิติบุคคล ฯลฯ
บริษัทมีสินทรัพย์รวม สิ้นสุดเดือนกันยายน 2566 จำนวน 7,023.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 จำนวน 4,609.54 ล้านบาท คิดเป็น 190.99 % ขณะที่มีส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 4,302.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 2,134.81 ล้านบาท คิดเป็น 98.49 % จากสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม B ดร.ปัญญา กล่าวว่า บริษัทมีความพร้อมในการขยายธุรกิจเต็มที่ หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการเพิ่มทุน ให้ผู้ถือหุ้นเดิม(Right Offering) หรือ RO ได้รับเงินเพิ่มทุนกว่า 1.2 พันล้านบาท ทำให้ฐานะการเงินของกลุ่ม B มีความแข็งแกร่งและพร้อมที่จะขยายธุรกิจทั้งในส่วนของธุรกิจขนส่ง ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ธุรกิจพลังงานสีเขียวและสาธารณูปโภค (Green Energy and Utilities ) เพื่อผลักดันผลประกอบการกลุ่ม B ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
ดร. ปัญญา กล่าวต่อว่า การขยายธุรกิจใหม่ ๆ จะเน้นธุรกิจที่สามารถนำมาต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจเดิมของกลุ่ม B โดยปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาในการเข้าไปลงทุนธุรกิจรีไซเคิล ในกลุ่มพลังงาน ซึ่งจะสามารถนำมาต่อยอดกับธุรกิจโรงไฟฟ้า ที่ดำเนินกิจการโดยบริษัท เดอะ เมกะวัตต์ เนื่องจากมองว่าธุรกิจรีไซเคิล เป็นเมกะเทรนด์ของโลก มีแนวโน้มเติบโตสูง โดยอาจจะไปร่วมมือกับพันธมิตร ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในครึ่งปีหลัง
“ต้องขอขอบคุณผู้ถือหุ้นอีกครั้ง ที่ให้ความเชื่อมั่นใส่เงินเพิ่มทุน RO ทำให้เรามีฐานะการเงินที่มั่นคง มีความพร้อมในการขยายการลงทุนใหม่ ๆ ที่จะต่อยอดและเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่ม B “ ดร.ปัญญากล่าว
ทั้งนี้ B ได้ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 20,761. 5 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.68 บาท เพื่อเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นแต่ละราย (Right Offering) หรือ RO ในอัตราส่วน 1 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 6 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ราคาเสนอขายหุ้นละ 0.06 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 1,245.6 ล้านบาท
ดร.ปัญญา บุญญาภิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี จิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2566 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 37.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 587.48 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 31.81 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 97.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 38.66 ล้านบาท หรือคิดเป็น 65.17 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 59.33 ล้านบาท
ดร.ปัญญา กล่าวต่อว่า การที่รายได้รวมของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง เนื่องจากบริษัท เดอะ เมกะวัตต์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท มีการรับรู้รายได้จากจากการขายไฟฟ้า 40.28 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยจากการปล่อยกู้ 21.61 ล้านบาท หลังจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 มีมติให้เพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของบริษัท ข้อ 51 ให้กู้ยืมแก่ บุคคล นิติบุคคล ฯลฯ
บริษัทมีสินทรัพย์รวม สิ้นสุดเดือนกันยายน 2566 จำนวน 7,023.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 จำนวน 4,609.54 ล้านบาท คิดเป็น 190.99 % ขณะที่มีส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 4,302.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 2,134.81 ล้านบาท คิดเป็น 98.49 % จากสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม B ดร.ปัญญา กล่าวว่า บริษัทมีความพร้อมในการขยายธุรกิจเต็มที่ หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการเพิ่มทุน ให้ผู้ถือหุ้นเดิม(Right Offering) หรือ RO ได้รับเงินเพิ่มทุนกว่า 1.2 พันล้านบาท ทำให้ฐานะการเงินของกลุ่ม B มีความแข็งแกร่งและพร้อมที่จะขยายธุรกิจทั้งในส่วนของธุรกิจขนส่ง ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ธุรกิจพลังงานสีเขียวและสาธารณูปโภค (Green Energy and Utilities ) เพื่อผลักดันผลประกอบการกลุ่ม B ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
ดร. ปัญญา กล่าวต่อว่า การขยายธุรกิจใหม่ ๆ จะเน้นธุรกิจที่สามารถนำมาต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจเดิมของกลุ่ม B โดยปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาในการเข้าไปลงทุนธุรกิจรีไซเคิล ในกลุ่มพลังงาน ซึ่งจะสามารถนำมาต่อยอดกับธุรกิจโรงไฟฟ้า ที่ดำเนินกิจการโดยบริษัท เดอะ เมกะวัตต์ เนื่องจากมองว่าธุรกิจรีไซเคิล เป็นเมกะเทรนด์ของโลก มีแนวโน้มเติบโตสูง โดยอาจจะไปร่วมมือกับพันธมิตร ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในครึ่งปีหลัง
“ต้องขอขอบคุณผู้ถือหุ้นอีกครั้ง ที่ให้ความเชื่อมั่นใส่เงินเพิ่มทุน RO ทำให้เรามีฐานะการเงินที่มั่นคง มีความพร้อมในการขยายการลงทุนใหม่ ๆ ที่จะต่อยอดและเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่ม B “ ดร.ปัญญากล่าว
ทั้งนี้ B ได้ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 20,761. 5 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.68 บาท เพื่อเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นแต่ละราย (Right Offering) หรือ RO ในอัตราส่วน 1 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 6 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ราคาเสนอขายหุ้นละ 0.06 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 1,245.6 ล้านบาท