จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : ITNS โตก้าวกระโดด มั่นใจ รายได้ปี 66 ทำสถิติสูงสุดใหม่
16 พฤศจิกายน 2566
การปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัลขององค์กรต่างๆ หนุนผลงาน บมจ. อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ตเวิร์ค ซิสเต็ม (ITNS) ผู้บริหารมั่นใจ ปี 66 รายได้โต 25-30% ทำสถิติสูงสุดใหม่
ดีลอยท์ ประเทศไทย ได้สำรวจการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในประเทศไทย (Thailand Digital Transformation Survey) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาทัศนคติขององค์กรต่อการปรับตัวสู่ดิจิทัล (Digital transformation) ผลการสำรวจดังกล่าวสะท้อนแนวคิดและมุมมองของผู้บริหารระดับสูง (C-suite) และพนักงานระดับอื่นๆ ในห้ากลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมผู้บริโภค (Consumer) กลุ่มทรัพยากรพลังงานและอุตสาหกรรม (Energy Resources and & Industrials: ER&I) บริการการเงิน (Financial Services) ชีววิทยาศาสตร์และสุขภาพ (Life Science & Healthcare) และเทคโนโลยี สื่อ และ โทรคมนาคม (Technology, Media and Telecommunications: TMT)
ซึ่งนายโกบินทร์ รัตติวรากร ผู้อำนวยการบริหาร ดีลอย์ คอนซัลติ้ง กล่าวว่า ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่าองค์กรที่มีความก้าวหน้าในดำเนินการปรับตัวสู่ดิจิทัล สามารถจัดการกับความท้าทายในด้านทรัพยากรได้ดีขึ้น พวกเขาจึงมุ่งให้ความสนใจกับการจัดการความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล
การปรับองค์กรสู่ดิจิทัล นับเป็นกระบวนการที่ยังคงเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ภาคธุรกิจจำต้องเปิดรับนวัตกรรมใหม่ๆ และปรับตัวให้เท่าทันกับเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ช่วงเวลานี้จึงเป็นเวลาเหมาะสมที่องค์กรต่างๆ จะเปิดรับโอกาสใหม่ๆ เพื่อเปิดทางไปสู่อนาคตที่ดีต่อธุรกิจมากยิ่งขึ้น และการปรับองค์กรสู่ดิจิทัลเป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญ ระหว่างธุรกิจในปัจจุบันและธุรกิจแห่งอนาคต
การเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับตัวไปสู่ดิจิทัล นับเป็นสิ่งที่สำคัญของภาคธุรกิจในการรับมือกับปัจจัยท้าทายต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับการทำธุรกิจของ บมจ. อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ตเวิร์ค ซิสเต็ม (ITNS) ในฐานะผู้ออกแบบและติดตั้งระบบเครือข่ายและระบบสื่อสารอย่างครบวงจร (System Integrator) พร้อมทั้งจำหน่ายอุปกรณ์ที่ใช้ในงานเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร การให้บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษาอุปกรณ์ และการให้เช่าอุปกรณ์
สะท้อนจากผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่อง ซึ่ง “สมชาย อ่วมกระทุ่ม" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ITNS ระบุว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 222.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120.87 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 119.05 % เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 101.53 ล้านบาท เป็นผลมาจากบริษัทฯ รับรู้รายได้หลักจากการจำหน่ายอุปกรณ์และให้บริการติดตั้ง 186.62 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 83.91% รายได้จากการให้บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษาอุปกรณ์ 33.76 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 15.18% และส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากการให้เช่าอุปกรณ์ 1.91 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 0.86% ของรายได้รวม ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 19.37 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.67% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 17.04 ล้านบาท
บริษัทฯ มีรายได้เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง เป็นผลมาจากภายหลังการเข้าเป็นสมาชิกในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้บริษัทฯเป็นที่รู้จักและมีเงินทุนที่เพิ่มมากขึ้น สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกทั้งรายเก่าและรายใหม่ ส่งผลทำให้รายได้ทั้ง 3กลุ่มธุรกิจหลักของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น ทั้งจากภาครัฐและเอกชน โดยไตรมาสนี้ มีการส่งมอบงานโครงการใหญ่กับภาคเอกชน พร้อมกับผลลัพธ์การขยายงานขายและติดตั้ง และแผนเพิ่มรายได้งานให้เช่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ อย่างไรก็ตามยังมีมูลค่างานโครงการที่ยังไม่ได้มีการส่งมอบอีกกว่า 260 ล้านบาท โดยบริษัทฯ จะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในงวดถัดไปอีกด้วย
สำหรับการดำเนินธุรกิจในปี2566 บริษัทฯ คงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตอยู่ที่ประมาณ 25-30% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากแผนกลยุทธ์ขยายงานไปยังกลุ่มลูกค้าให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ตามนโยบายการลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาลูกค้ารายใหญ่และเพื่อกระจายฐานลูกค้าและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด อีกทั้งมีแผนทยอยรับรู้รายได้จากงานในมืออีกจำนวนมาก ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/2566 ไปจนถึงปี 2570 พร้อมกันนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างเตรียมเข้าประมูลงานใหม่รวมมูลค่า 1,000 ล้านบาท