ตามที่ บริษัท เวล เกรด เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ได้ทำสัญญาจ้างก่อสร้างกับสำนักงานคณะกรรมการ กำกับกิจการพลังงาน (“สำนักงาน กกพ.”) ลงวันที่ 1 เมษายน 2563 เพื่อรับจ้างก่อสร้างโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานพร้อมตกแต่งภายใน มูลค่าสัญญา 618,198,000 บาท
บริษัทฯ ขอเรียนให้ทราบว่า เนื่องจากสำนักงาน กกพ. ค้างชำระหนี้ค่าจ้างก่อสร้างเป็นเงินจำนวนกว่า 113 ล้านบาท เป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งบริษัทฯ ได้ติดตามทวงถามให้สำนักงาน กกพ. ชำระหนี้หลายครั้งแล้ว แต่สำนักงาน กกพ. ยังคงเพิกเฉยไม่ชำระหนี้ บริษัทฯ จึงมีความจำเป็นต้องใช้สิทธิตามกฎหมายยื่นฟ้องสำนักงาน กกพ. ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเลิกสัญญาจ้างก่อสร้างและให้สำนักงาน กกพ. ชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยและค่าเสียหาย รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 296,201,226.01 บาท ซึ่งเป็นทุนทรัพย์ที่ฟ้อง
โดยบริษัทฯ ได้ยื่นคำฟ้องพร้อมเอกสารท้ายคำฟ้องไว้ต่อศาลปกครองกลางตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ศาลแจ้งว่าต้องรอตรวจสอบเอกสารท้ายคำฟ้องที่มีปริมาณจำนวนมากก่อนแจ้งรับฟ้อง และบริษัทฯ เพิ่งทราบในช่วงเย็นของวันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 ว่าศาลปกครองกลางได้รับฟ้องคดีดังกล่าวไว้พิจารณาแล้ว
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่ายอดหนี้ ที่สำนักงาน กกพ. ค้างชำระดังกล่าวจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อโครงการนี้ แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมการดำเนินงานและสภาพ คล่องทางการเงินของบริษัทฯ แต่อย่างใด อีกทั้ง เมื่อเร็วๆ นี้บริษัทฯ ได้เซ็นสัญญาโครงการใหม่อีกจำนวน 2 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 968 ล้านบาท ตามที่ได้แจ้งข่าวให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทราบก่อนหน้านี้แล้วนั้น ทำให้บริษัทฯ มีงานที่รอรับรู้รายได้ ณ ปัจจุบัน มูลค่ารวม 2,222 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 จนถึงปี 2567 โดยหากมีความคืบหน้าประการใด บริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป
บริษัทฯ ขอเรียนให้ทราบว่า เนื่องจากสำนักงาน กกพ. ค้างชำระหนี้ค่าจ้างก่อสร้างเป็นเงินจำนวนกว่า 113 ล้านบาท เป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งบริษัทฯ ได้ติดตามทวงถามให้สำนักงาน กกพ. ชำระหนี้หลายครั้งแล้ว แต่สำนักงาน กกพ. ยังคงเพิกเฉยไม่ชำระหนี้ บริษัทฯ จึงมีความจำเป็นต้องใช้สิทธิตามกฎหมายยื่นฟ้องสำนักงาน กกพ. ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเลิกสัญญาจ้างก่อสร้างและให้สำนักงาน กกพ. ชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยและค่าเสียหาย รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 296,201,226.01 บาท ซึ่งเป็นทุนทรัพย์ที่ฟ้อง
โดยบริษัทฯ ได้ยื่นคำฟ้องพร้อมเอกสารท้ายคำฟ้องไว้ต่อศาลปกครองกลางตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ศาลแจ้งว่าต้องรอตรวจสอบเอกสารท้ายคำฟ้องที่มีปริมาณจำนวนมากก่อนแจ้งรับฟ้อง และบริษัทฯ เพิ่งทราบในช่วงเย็นของวันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 ว่าศาลปกครองกลางได้รับฟ้องคดีดังกล่าวไว้พิจารณาแล้ว
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่ายอดหนี้ ที่สำนักงาน กกพ. ค้างชำระดังกล่าวจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อโครงการนี้ แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมการดำเนินงานและสภาพ คล่องทางการเงินของบริษัทฯ แต่อย่างใด อีกทั้ง เมื่อเร็วๆ นี้บริษัทฯ ได้เซ็นสัญญาโครงการใหม่อีกจำนวน 2 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 968 ล้านบาท ตามที่ได้แจ้งข่าวให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทราบก่อนหน้านี้แล้วนั้น ทำให้บริษัทฯ มีงานที่รอรับรู้รายได้ ณ ปัจจุบัน มูลค่ารวม 2,222 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 จนถึงปี 2567 โดยหากมีความคืบหน้าประการใด บริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป