Gossip Station..by เจ๊จิ๋ม

เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 17-11-23


17 พฤศจิกายน 2566
เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 17-11-23

17-11-23 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ    

***วันศุกร์เบาๆ เนอะ เป็นเรื่องต่อเนื่องกันมาจากที่กระทรวงการคลังอนุมัติออกกองทุน TESG  ลงทุนในหุ้นที่มี ESG  วันนี้เจ๊จิ๋มคัดเอาหุ้นเด็ดที่เซียนหุ้นแนะนำมาให้แฟนคลับ

**กูรูคนแรกบอกว่าหากอิงโครงสร้างการเสียภาษีในปัจจุบัน และข้อมูลการซื้อ LTF ในช่วง ปี 2017-19 ผสานภาพ SET ปัจจุบันอยู่ในโซนลงทุน PBV อยู่ราว 1.3 เท่า ใกล้ค่าเฉลี่ย - 2 S.D. และภาพแรงหนุนวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นสิ้นสุด แล้ว เชื่อว่ามีโอกาสที่จะเห็นเม็ดเงินกองทุนที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่เข้าสู่ ตลาดช่วง ธ.ค.นี้ เร่งเข้าสู่ตลาด และอยู่ในกรอบบนช่วง 1.0-1.5 หมื่น ล้านบาท 

***โดยคาดหุ้นที่อยู่ในกลุ่ม  SET ESG Index จะน่าสนใจขึ้นและมีโอกาสถูก Active Fund ในประเทศดึงสถานะกลับก่อน เน้นในกลุ่ม 
1) ราคาลงแรงกว่า THAIESG Index -14%YTD  
2) ถูก Short sales บนกระดานหลัก+NVDR ตั้งแต่จุดสูง 30 ส.ค. 23 – ปัจจุบัน  มีสัดส่วน % Short Sales Volume(+ NVDR) มากกว่า 8 %ของมูลค่าซื้อขายรายตัว 
หุ้นในกลุ่มดังกล่าวที่น่าจะเป็นเป้าหมายกองทุน เน้น CPALL, GULF, CRC, GPSC, PTTGC, IVL, SCGP, OR, CBG, HMPRO

***ส่วนกูรูอีกค่ายบอกว่ามีมุมมองเป็นบวกต่อ SET Index หากกองทุน TESG ได้รับการอนุมัติเริ่มใช้ในเดือน ธ.ค.นี้ จะทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่่ตลาดหุ้นไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท และจะช่วยหนุนให้หุ้นที่อยู่ในรายชื่อ SET ESG Ratings จะ outperform SET ได้ ทั้งนี้ได้เลือกหุ้นที่น่าสนใจ 10 ตัว ที่ได้รับการจัดอันดับใน SET ESG Ratings ซึ่งผลการดำเนินงานที่ดีใน 4Q23E และปี 2024E รวมถึงราคาหุ้นยัง laggard มากสุด YTD เรียงตามลำดับ ดังนี้ 

*** IVL (ซื้อ/เป้า 29.00 บาท) คาดกำไร 4Q23E ฟื้นตัวจากการลดอัตราการใช้กำลังการผลิตของบริษัท ผลิต PET ในจีนใน 4Q23E และคาดว่าปริมาณขายน่าจะกลับมาฟื้นตัวในปี 2024E จากการลดระดับ สินค้าคงคลังที่ลดน้อยลง YoY 

***SJWD ( ซื้อ/เป้า 16.50 บาท) กำไรจะกลับมาฟื้นตัวโดดเด่นใน 4Q23E และปี 2023E จากค่าใช้จ่ายในการควบรวมกิจการที่ลดลง และธุรกิจหลัก ได้แก่ ห้องเย็น และยานยนต์ จะยังเติบโตดีต่อเนื่อง 

***BGRIM ( ซื้อ/เป้า  35.00 บาท) ผลประกอบการระยะยาวกลับมาฟื้นตัวได้โดยประเมินแรงกดดันจาก การแทรกแซงค่าไฟฟ้าของภาครัฐผ่อนคลายลง และยังได้โครงการใหม่ทั้งในและต่างประเทศหนุน ประเมินกำไรโตเฉลี่ย 23% CAGR2023E-25E 

***EPG  ซื้อ/เป้า  9.00 บาท) ผลการดำเนินงานจะยังเติบโต YoY ได้ดีต่อเนื่องใน 2HFY24E จากการฟื้น ตัวของทุกกลุ่มธุรกิจทั้ง Aeroflex, Aeroklas และ EPP 

***CBG ( ซื้อ/เป้า  109.00 บาท) ก าไร 4Q23E โต YoY, QoQ จาก high season, GPM ขยายตัวจากต้นทุน packaging ที่ลดลงและเริ่มรับรู้รายได้จากการจัดจำหน่ายเบียร์

***HMPRO ( ซื้อ/เป้า  16.30 บาท) 4Q23E ขยายตัว QoQ จากกิจกรรมตกแต่งซ่อมแซมฟื้นตัวต่อเนื่อง ไปจนถึง 1Q24E และคาดได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ หนุนกำลังซื้อ ทำให้ 2024E เติบโตได้ 

***EM ( ซื้อ/เป้า  10.40 บาท) 4Q23E โต YoY โดยกำไรปกติปี 2024E จะเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่และปี 2024E จะดีต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะผู้โดยสารรถไฟฟ้า อานิสงส์กิจกรรมทาง เศรษฐกิจกลับสู่ระดับปกติและรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ 

***KTC ( ซื้อ/เป้า  55.00 บาท) คาดกำไร 4Q23E จะขยายตัว YoY จากการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในช่วง Festive season ขณะที่หดตัว QoQ จากค่าใช้จ่ายสำรองที่เพิ่มขึ้นเป็นปกติ 

***OR ( ซื้อ/เป้า  22.00 บาท) คาดว่ากำไร 4Q23E จะเห็นการเติบโต YoY หนุนโดยปริมาณขายน้ำมันที่ สูงขึ้น นอกจากนี้เห็นความเสี่ยงด้านนโยบายที่จำกัดมากขึ้นหลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติปรับ ลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ และราคาดีเซลไปแล้ว  

***CPALL ( ซื้อ/เป้า  80.00 บาท) คาดก าไร 4Q23E ได้แรงหนุนจากค้าปลีกที่ฟื้นตัวและเป็น high season, และคาดเห็นการเติบโตต่อเนื่องไปใน 2024E จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ