จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : กระแสการใช้ไฟฟ้าสีเขียว หนุนยอดขาย SUPER โตตามเป้า


23 พฤศจิกายน 2566
กระแสการใช้ไฟฟ้าสีเขียวทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม  หนุนการเติบโตของกิจการบมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER)  CEO มั่นใจรายได้ปีนี้โต 10% แตะ 10,000 ล้านบาท

รายงานพิเศษ กระแสการใช้ไฟฟ้าสีเขียว หนุนย.jpg

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC ขอนำส่งบทวิเคราะห์ เรื่อง  โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลมปี 2567 ว่า จะเติบโตได้ตามกระแสการใช้ไฟฟ้าสีเขียว ท่ามกลางแรงหนุนจากต้นทุนโรงไฟฟ้าที่ต่ำลง  โดยการผลิตไฟฟ้าหมุนเวียนจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) และพลังงานลม (Wind) ปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวตามความต้องการใช้ไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ผลจากเป้าหมาย Net zero pathway ที่มีร่วมกันของหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงไทย นอกจากนี้ ยังหนุนให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องเติบโตตาม อาทิ แผงโซลาร์และอุปกรณ์กังหันลม รวมถึงโครงข่ายไฟฟ้า (Grids)

ตลาดการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ของทั่วโลกยังคงเติบโตได้ดีต่อเนื่อง (ในปี 2567 ขยายตัว 29% ต่อปี) และทยอยเพิ่มบทบาทในการผลิตไฟฟ้าของโลก  ปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ได้แก่ 

1. การลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากพลังงาน Fossil ที่ราคามีความผันผวน (โดยเฉพาะในแถบแอฟริกา)

2. แผนการเพิ่มสัดส่วนไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพื่อบรรลุเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกเกือบ 50% ภายในปี 2571 และเข้าสู่ Net zero ภายในปี 2593 

3. การอุดหนุนของภาครัฐเพื่อสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เอง (Self-consumption) 

4. ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ที่ต่ำเมื่อเทียบกับแหล่งพลังงานอื่น ๆ ผนวกกับต้นทุนของแบตเตอรี่ ESS ที่ทยอยปรับตัวลดลง ช่วยลดข้อจำกัดในการใช้ไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ลง 

ในส่วนของตลาดไทย การผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์มีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากแรงหนุนของตลาดที่ขายไฟให้ลูกค้าโดยตรง (Private PPA) และ Self consumption (ทั้งสองตลาดมีโอกาสเติบโตเร่งขึ้นอีกมาก หากภาครัฐให้การสนับสนุน เช่น นโยบาย TPA : Third Party Access & Wheeling charges[2]) นอกจากนี้ ตลาดที่ขายไฟให้ภาครัฐ (Public PPA) ยังมีโอกาสเติบโต ทั้งจากโครงการที่อยู่ระหว่างเตรียมเปิดประมูลเฟส 2 ราว 2.6 GW และแผน PDP ใหม่ที่คาดว่าอาจประกาศได้ในปี 2567 (ซึ่งเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ในสิ้นปี 2580 อาจจะเพิ่มขึ้นจากแผน PDP2018Rev1 กว่า 200%)

การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด สนับสนุนการสร้างรายได้ของบมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER)  ซึ่ง “จอมทรัพย์ โลจายะ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SUPER  ระบุ 9 เดือนแรกปีนี้ SUPER มีรายได้รวม 7,644.57 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 7.35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนภายใต้แรงกดดันจากอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ย รายได้เพิ่มขึ้นมาจากปริมาณการขายไฟที่เพิ่มขึ้น เป็นโครงการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ต้นปี 2566 อย่างโครงการ SPP HYBRID ขายไฟฟ้าได้ 24 ชั่วโมง ฯลฯ

ขณะที่ตัวเลขกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) งวด 9 เดือนอยู่ที่ 5,976.29  ล้านบาท หรือ EBITDA margin ในอัตรา 81% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 5,651,45 ล้านบาท " นายจอมทรัพย์ กล่าว 
          
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/66 มองว่าธุรกิจยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ได้อีกราว 40 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เวียดนาม "Soc Trang" กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์กับมหาวิทยาลัยมหิดล กำลังการผลิตประมาณ 12 เมกะวัตต์ 
        
ทั้งนี้บริษัทฯคาดว่าจะรักษาเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 10% หรือ 10,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ประมาณ 9,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทเดินหน้าขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ในโครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายใน 3 ปีข้างหน้า จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ามากกว่า 3,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวม 1,665 เมกะวัตต์  รวมทั้งการหาพันธมิตรเข้ามาร่วมลงทุน (Strategic Partner) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง