Smart Investment
วอลุ่มซื้อ-ขายหุ้นต่ำสุดในรอบ 4 เดือน Short selling-Robot Trade ทุบซ้ำ!
24 พฤศจิกายน 2566
Mr.Data
“ตัวเลขมันไม่เคยโกหก” วลีนี้น่าจะเหมาะสมกับสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ หลังมูลค่าการซื้อขายดำดิ่ง! ลงต่ำสุดในรอบ 4 เดือน หรือลดลงต่ำสุดเมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
มูลเหตุจากวิกฤติความศรัทธาที่มีต่อหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุน อย่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่แม้แต่จะมีการออกมาแถลงความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนตลอดห้วงเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา
ที่บรรดานักลงทุนรายใหญ่ นักลงทุน VI รายย่อย ที่มองว่า ปมปัญหาสำคัญที่ถล่มหุ้นไทยมาจาก Short Sell Robot Trade และ Naked Short
ซึ่งทุกครั้งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ และก.ล.ต.ออกมาร่วมแถลง เหมือนท่องสคริปต์มาตอบ ทุกอย่างเป็นไปตามภาวะ “ปกติ” ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นโลก จากปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ บอนด์ยิลด์ที่ปรับตัวสูงขึ้น
ตัวเลขการทำรายการ Short Sell และ Robot Trade ถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับมูลการซื้อขายโดยรวม ส่วน Naked Short ยังไม่พบ และตลาดหลักทรัพย์ฯมีกระบวนการตรวจสอบอยู่แล้ว สบายใจหายห่วง
ไม่จำเป็นต้องมีการออกมาตรการอะไรเพิ่มเติม...เหมือนกับที่ตลาดหุ้นเกาหลีใต้มีการกวาดล้าง หรือตรวจสอบนักลงทุนต่างชาติบางกลุ่มที่มีการทำรายการ Short Sell หรือการยืมหุ้นมาขาย หรือการทำ Naked Short และตลาดหุ้นเกาหลีใต้มีการประกาศห้าม Short Sell ไปแล้วตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีผลถึงเดือนมิถุนายน 2567 เพื่อหยุดยั้งการไหลลงของดัชนีตลาดหุ้น
การแถลงข่าวของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (17 พ.ย.) ที่ผ่านมา ยิ่งเป็นการ “เปิดแผล” และทำสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน ที่คาดหวังว่าจะมีการออกมาตรการ เพื่อแก้ไขปัญหา Short Sell , Robot Trade และ Naked Short เพื่อหยุดยั้งความเสียหาย และสร้างความเป็นธรรมให้กับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
เพราะคำตอบที่ได้จากตลาดหลักทรัพย์ฯ...ไม่ได้ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้แม้แต่นิดเดียว และมีการแชร์ว่อนโลกโซเชียล!
1.โบรกฯ ไหนจะคิด Commission ต่ำกว่า 10 เท่า เป็นเรื่องของแต่ละโบรก ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ ลูกค้าแต่ละโบรกฯ ต้องไปต่อรองกันเอง
2.สามารถแยกข้อมูลได้หรือไม่ว่า โบรกฯไหนมี Program trade มากน้อย - เป็นความลับของแต่ละโบรกฯ ถ้านักลงทุนอยากรู้ให้ไปดูจากงบการเงินของแต่ละโบรกฯ เอา เช่น โบรกไหน วอลุ่มเยอะ แต่กำไรน้อย ก็น่าจะมี program trade เยอะ
3.การซื้อขายของนักลงทุนในตลาดมีหลายกลุ่ม ถ้ามีกลุ่มใดไม่พอใจ ไม่ได้หมายความว่าทุกกลุ่มไม่พอใจ เรายินดีรับฟังทุกกลุ่ม
4.การตรวจสอบ Naked short แต่ละโบรกฯมีหน้าที่ตรวจสอบอยู่แล้ว ส่วน Custodian ต่างประเทศ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการสอบถามไปซึ่งเค้าก็ตอบกลับมาว่าไม่มี Naked short Custodian ต่างชาติเหล่านี้มีชื่อเสียง คงไม่กล้าให้ข้อมูลเท็จและเอาชื่อเสียงมาแลก
5.โบรกฯเบอร์ 1 มี Program Trade เยอะจริงหรือไม่ ไม่สามารถระบุได้ เพราะทุกโบรกฯ ก็เติบโตกันหมดใน 2 ปีที่ผ่านมา
6.จะมีการจำกัดการใช้ Program Trade ในอนาคตหรือไม่ เพื่อความเท่าเทียมกัน ยังตอบไม่ได้ ต้องศึกษาข้อมูลก่อน อย่าพิจารณาจากความรู้สึก ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็พร้อมเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมให้นักลงทุน
...ไม่แปลกที่จะทำให้วอลุ่มการซื้อขายตลาดหุ้นไทยเจือจางลง
บทวิเคราะห์ของฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ ให้ข้อมูลไว้อย่างน่าสนใจ โดยระบุว่า ตลาดหุ้นไทยกลับมามีวอลุ่มการซื้อขายที่เบาบางอีกครั้ง โดยในวันที่ 22 พ.ย.66 มีมูลค่าการซื้อขายเพียง 3.46 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. ที่ผ่านมา
“วอลุ่มการซื้อขายที่เบาบางดังกล่าว ย่อมทำให้แรงอิทธิพลของการ Short selling กลับมามีสูงขึ้นอีกครั้ง แม้จะมีมูลค่าอยู่เพียง 4.1 พันล้านบาทเท่านั้น แต่พอคิดเป็นสัดส่วนต่อวอลุ่มการซื้อขายโดยรวม กลับมีสัดส่วนที่สูงถึงเกือบ 12% ตราบใดที่วอลุ่มโดยรวมยังไม่สามารถกลับมายืนเหนือระดับ 5 หมื่นล้านบาท/วันได้ คาดว่าการปรับตัวขึ้นอย่างยั่งยืนของ SET Index ก็ยังเป็นสิ่งที่ยากต่อไปเช่นกัน”
“ตัวเลขมันไม่เคยโกหก”ถึงเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์ฯออกมาเปิดอก... และหาทางออกอย่างจริงจัง ก่อนสายเกินแก้!
“ตัวเลขมันไม่เคยโกหก” วลีนี้น่าจะเหมาะสมกับสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ หลังมูลค่าการซื้อขายดำดิ่ง! ลงต่ำสุดในรอบ 4 เดือน หรือลดลงต่ำสุดเมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
มูลเหตุจากวิกฤติความศรัทธาที่มีต่อหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุน อย่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่แม้แต่จะมีการออกมาแถลงความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนตลอดห้วงเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา
ที่บรรดานักลงทุนรายใหญ่ นักลงทุน VI รายย่อย ที่มองว่า ปมปัญหาสำคัญที่ถล่มหุ้นไทยมาจาก Short Sell Robot Trade และ Naked Short
ซึ่งทุกครั้งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ และก.ล.ต.ออกมาร่วมแถลง เหมือนท่องสคริปต์มาตอบ ทุกอย่างเป็นไปตามภาวะ “ปกติ” ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นโลก จากปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ บอนด์ยิลด์ที่ปรับตัวสูงขึ้น
ตัวเลขการทำรายการ Short Sell และ Robot Trade ถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับมูลการซื้อขายโดยรวม ส่วน Naked Short ยังไม่พบ และตลาดหลักทรัพย์ฯมีกระบวนการตรวจสอบอยู่แล้ว สบายใจหายห่วง
ไม่จำเป็นต้องมีการออกมาตรการอะไรเพิ่มเติม...เหมือนกับที่ตลาดหุ้นเกาหลีใต้มีการกวาดล้าง หรือตรวจสอบนักลงทุนต่างชาติบางกลุ่มที่มีการทำรายการ Short Sell หรือการยืมหุ้นมาขาย หรือการทำ Naked Short และตลาดหุ้นเกาหลีใต้มีการประกาศห้าม Short Sell ไปแล้วตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีผลถึงเดือนมิถุนายน 2567 เพื่อหยุดยั้งการไหลลงของดัชนีตลาดหุ้น
การแถลงข่าวของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (17 พ.ย.) ที่ผ่านมา ยิ่งเป็นการ “เปิดแผล” และทำสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน ที่คาดหวังว่าจะมีการออกมาตรการ เพื่อแก้ไขปัญหา Short Sell , Robot Trade และ Naked Short เพื่อหยุดยั้งความเสียหาย และสร้างความเป็นธรรมให้กับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
เพราะคำตอบที่ได้จากตลาดหลักทรัพย์ฯ...ไม่ได้ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้แม้แต่นิดเดียว และมีการแชร์ว่อนโลกโซเชียล!
1.โบรกฯ ไหนจะคิด Commission ต่ำกว่า 10 เท่า เป็นเรื่องของแต่ละโบรก ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ ลูกค้าแต่ละโบรกฯ ต้องไปต่อรองกันเอง
2.สามารถแยกข้อมูลได้หรือไม่ว่า โบรกฯไหนมี Program trade มากน้อย - เป็นความลับของแต่ละโบรกฯ ถ้านักลงทุนอยากรู้ให้ไปดูจากงบการเงินของแต่ละโบรกฯ เอา เช่น โบรกไหน วอลุ่มเยอะ แต่กำไรน้อย ก็น่าจะมี program trade เยอะ
3.การซื้อขายของนักลงทุนในตลาดมีหลายกลุ่ม ถ้ามีกลุ่มใดไม่พอใจ ไม่ได้หมายความว่าทุกกลุ่มไม่พอใจ เรายินดีรับฟังทุกกลุ่ม
4.การตรวจสอบ Naked short แต่ละโบรกฯมีหน้าที่ตรวจสอบอยู่แล้ว ส่วน Custodian ต่างประเทศ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการสอบถามไปซึ่งเค้าก็ตอบกลับมาว่าไม่มี Naked short Custodian ต่างชาติเหล่านี้มีชื่อเสียง คงไม่กล้าให้ข้อมูลเท็จและเอาชื่อเสียงมาแลก
5.โบรกฯเบอร์ 1 มี Program Trade เยอะจริงหรือไม่ ไม่สามารถระบุได้ เพราะทุกโบรกฯ ก็เติบโตกันหมดใน 2 ปีที่ผ่านมา
6.จะมีการจำกัดการใช้ Program Trade ในอนาคตหรือไม่ เพื่อความเท่าเทียมกัน ยังตอบไม่ได้ ต้องศึกษาข้อมูลก่อน อย่าพิจารณาจากความรู้สึก ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็พร้อมเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมให้นักลงทุน
...ไม่แปลกที่จะทำให้วอลุ่มการซื้อขายตลาดหุ้นไทยเจือจางลง
บทวิเคราะห์ของฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ ให้ข้อมูลไว้อย่างน่าสนใจ โดยระบุว่า ตลาดหุ้นไทยกลับมามีวอลุ่มการซื้อขายที่เบาบางอีกครั้ง โดยในวันที่ 22 พ.ย.66 มีมูลค่าการซื้อขายเพียง 3.46 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. ที่ผ่านมา
“วอลุ่มการซื้อขายที่เบาบางดังกล่าว ย่อมทำให้แรงอิทธิพลของการ Short selling กลับมามีสูงขึ้นอีกครั้ง แม้จะมีมูลค่าอยู่เพียง 4.1 พันล้านบาทเท่านั้น แต่พอคิดเป็นสัดส่วนต่อวอลุ่มการซื้อขายโดยรวม กลับมีสัดส่วนที่สูงถึงเกือบ 12% ตราบใดที่วอลุ่มโดยรวมยังไม่สามารถกลับมายืนเหนือระดับ 5 หมื่นล้านบาท/วันได้ คาดว่าการปรับตัวขึ้นอย่างยั่งยืนของ SET Index ก็ยังเป็นสิ่งที่ยากต่อไปเช่นกัน”
“ตัวเลขมันไม่เคยโกหก”ถึงเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์ฯออกมาเปิดอก... และหาทางออกอย่างจริงจัง ก่อนสายเกินแก้!